สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย และประธานกรรมการอำนวยการมูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย ทรงเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการมูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย ประจำปี 2564
27 ธันวาคม 2564 เวลา 09.00 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย และประธานกรรมการอำนวยการมูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย เสด็จพระราชดำเนินไปยังอาคารวชิราลงกรณ มูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เสด็จเข้าบริเวณห้องโถง ชั้น 1 ทอดพระเนตรการแสดงประกอบเพลงบ้านเกิดเมืองนอน และเสด็จขึ้นชั้น 2 พระราชทานพระราชวโรกาสให้คณะบุคคลต่าง ๆ เฝ้าทูลละอองพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายเงินและของที่ระลึก ได้แก่ นายนพศักดิ์ ตรีพรชัยศักดิ์ กรรมการผู้จัดการห้างแว่นท็อปเจริญ ทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายเงินเพื่อสมทบทุนมูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย นางสาวชมบุญ นิยมานุสร ทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายเงินเพื่อสมทบทุนมูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย นายไพสิฐ แก่นจันทน์ รองประธานกรรมการมูลนิธิ แมค แฮปปี้ แฟมิลี่ ทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายเงินเพื่อสมทบโครงการหมู่บ้านเด็กเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครปฐม และนายวรพล วิริยะกุลพงศ์ กรรมการมูลนิธิ แมค แฮปปี้ แฟมิลี่ ทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายของที่ระลึก พร้อมทั้ง ฉายพระฉายาลักษณ์ร่วมกับรองประธานกรรมการมูลนิธิ แมค แฮปปี้ แฟมิลี่ กรรมการผู้จัดการห้างแว่นท็อปเจริญ และผู้มีอุปการคุณ
ต่อมา เสด็จเข้าห้องประชุม พระราชทานพระราชวโรกาสให้รองประธานกรรมการอำนวยการมูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย ในนามคณะกรรมการอำนวยการมูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย ทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายของที่ระลึก เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ และทรงเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการมูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย ประจำปี 2564 เพื่อติดตามผลการดำเนินงานต่าง ๆ ของมูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย ตามระเบียบวาระ อาทิ การดำเนินงานด้านการดูแลเด็กและสวัสดิภาพเด็ก ณ อาคารวชิราลงกรณ หมู่บ้านเด็ก และหมู่บ้านเด็กเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครปฐม ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง หมู่บ้านเด็กเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครปฐม การดำเนินงานของศูนย์สาธิตฝึกอาชีพเศรษฐกิจพอเพียง จังหวัดสงขลา ผลการดำเนินงานการให้ความช่วยเหลือเด็กกำพร้าที่ประสบภัยจากคลื่นสึนามิในภาคใต้ การเลี้ยงดูบุตรบุคลากรของสภากาชาดไทยและคณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ศูนย์พัฒนาและเลี้ยงเด็กเฉลิมพระเกียรติ) และระเบียบวาระอื่น ๆ
จุดเริ่มต้นของมูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย ย้อนกลับไปเมื่อปี 2497 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานพระราชทรัพย์ ซึ่งเป็นรายได้จากการฉายภาพยนตร์ส่วนพระองค์ ที่ศาลาเฉลิมกรุง จำนวนประมาณ 720,200.50 บาท ให้โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ใช้เป็นทุนประเดิมในการก่อสร้างตึกวชิราลงกรณ เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของเด็กกำพร้าอนาถาในความอุปการะของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ต่อมาเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2524 ได้จัดตั้งเป็น “มูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย” จากพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทยและประธานกรรมการอำนวยการมูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย ที่ทรงห่วงใยเด็กที่ถูกทอดทิ้งและเด็กกำพร้า
มูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย ให้การสงเคราะห์เด็กและผู้เยาว์ที่ถูกทอดทิ้งไว้กับสภากาชาดไทย หรือเด็กและผู้เยาว์ที่ครอบครัวไม่สามารถให้การเลี้ยงดูได้ และยกให้มูลนิธิฯ ตามกฎหมาย รวมทั้งเด็กและผู้เยาว์กำพร้าไร้ที่พึ่งที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ และเด็กกำพร้าไร้ที่พึ่งที่บิดามารดาเสียชีวิตด้วยโรคติดต่อร้ายแรง โดยมีวัตถุประสงค์ในการดำเนินการ อาทิ สืบหาบิดา มารดา หรือญาติของเด็กและผู้เยาว์ เพื่อดำเนินการช่วยเหลือให้มีชีวิตที่มั่นคงผาสุกในครอบครัวของตนเอง ในกรณีที่ไม่สามารถสืบหาบิดา มารดา หรือญาติได้ จะจัดหาครอบครัวบุญธรรมที่เหมาะสมทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ให้การฝึกวิชาชีพ การอบรมทางศาสนาและจริยธรรม การรักษาพยาบาล การจัดหางาน และการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับงานสวัสดิภาพเด็กและครอบครัว ส่งเสริมการดูแลสุขภาพและพัฒนาศักยภาพของเด็กและผู้เยาว์ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่พึ่งตนเองได้
ปัจจุบันมีเด็กกำพร้าอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของมูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย ตั้งแต่อายุแรกเกิดถึง 8 ปี จำนวนทั้งสิ้น 49 คน แบ่งเป็นเด็กชาย 26 คน เด็กหญิง 23 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 15 ธันวาคม 2564) และมีเด็กที่อยู่ในความอุปการะของครอบครัวบุญธรรมตั้งแต่ปี 2524 ถึงปัจจุบัน รวม 643 คน เป็นครอบครัวชาวต่างประเทศ 533 คน และเป็นครอบครัวชาวไทย 110 คน