สาระความรู้

พิษแอลกอฮอล์ภัยร้ายที่ต้องระวัง!

สถานการณ์เกี่ยวกับการดื่มแอลกอฮอล์เป็นสิ่งที่องค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกรณรงค์และให้ความสนใจเป็นอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากอัตราการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เพิ่มขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อ การเกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา อาทิ ปัญหาที่เกี่ยวกับสุขภาพร่างกาย จิตใจ และปัญหาทางด้านพฤติกรรม ทั้งนี้มีข้อมูลรายงานจากองค์การอนามัยโลก พบว่า ในทุกปีทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากพิษของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ 3.3 ล้านคน ถือเป็นร้อยละ5.9 ของการตายทั้งหมด และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคมากกว่า 200 ชนิด ถือเป็นสาเหตุของการบาดเจ็บอื่น ๆ อีกด้วย ผลเสียด้านสุขภาพ ปริมาณในการดื่มแอลกอฮอล์นั้น ส่งผลโดยตรงต่อร่างกาย เพราะหลังจากดื่มแอลกอฮอล์จะซึมเข้าสู่กระแสเลือดโดยทันทีไม่ผ่านกระบวนการย่อย ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบต่อร่างกาย ได้แก่ สมองและระบบประสาท การดื่มแอลกอฮอล์ในระยะยาวจะส่งผลให้สมองเกิดความเปลี่ยนแปลง ทำให้ผู้ดื่มมีอาการความจำเสื่อมความคิดเลอะเลือน สมองหดตัวมีขนาดเล็กลง บางรายมีอาการประสาทหลอนหวาดระแวง ระบบทางเดินอาหาร เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะกระตุ้นให้มีการหลั่งกรดและน้ำย่อยในกระเพาะออกมาในปริมาณมากขึ้น มีโอกาสทำให้เกิดการระคายเคืองและอักเสบของเยื่อบุกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กได้ ตับ เป็นอวัยวะที่รับพิษจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากที่สุด แอลกอฮอล์จะเข้าทำลายเซลล์ตับทำให้ไขมันเข้าไปแทนที่และคั่งอยู่ในตับ เมื่อเซลล์ตับตายลงถึงระดับหนึ่งจะมีการสร้างพังผืดที่บริเวณนั้น ทำให้เป็น “โรคตับแข็ง” หัวใจและหลอดเลือด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเร็วขึ้น การบีบตัวของหัวใจไม่ปกติ ความดันโลหิตสูงขึ้น และส่งผลให้มีความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ ขาดเลือด อวัยวะสืบพันธุ์ การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก จะทำให้ความต้องการทางเพศลดลงและอาจส่งผลให้ลูกอัณฑะเล็กลงอีกด้วย “CAGE” 4…

พิษแอลกอฮอล์ภัยร้ายที่ต้องระวัง!

สถานการณ์เกี่ยวกับการดื่มแอลกอฮอล์เป็นสิ่งที่องค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกรณรงค์และให้ความสนใจเป็นอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากอัตราการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เพิ่มขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อ การเกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา อาทิ ปัญหาที่เกี่ยวกับสุขภาพร่างกาย จิตใจ และปัญหาทางด้านพฤติกรรม ทั้งนี้มีข้อมูลรายงานจากองค์การอนามัยโลก พบว่า ในทุกปีทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากพิษของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ 3.3 ล้านคน ถือเป็นร้อยละ5.9 ของการตายทั้งหมด และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคมากกว่า 200 ชนิด ถือเป็นสาเหตุของการบาดเจ็บอื่น ๆ อีกด้วย ผลเสียด้านสุขภาพ ปริมาณในการดื่มแอลกอฮอล์นั้น ส่งผลโดยตรงต่อร่างกาย เพราะหลังจากดื่มแอลกอฮอล์จะซึมเข้าสู่กระแสเลือดโดยทันทีไม่ผ่านกระบวนการย่อย ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบต่อร่างกาย ได้แก่ สมองและระบบประสาท การดื่มแอลกอฮอล์ในระยะยาวจะส่งผลให้สมองเกิดความเปลี่ยนแปลง ทำให้ผู้ดื่มมีอาการความจำเสื่อมความคิดเลอะเลือน สมองหดตัวมีขนาดเล็กลง บางรายมีอาการประสาทหลอนหวาดระแวง ระบบทางเดินอาหาร เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะกระตุ้นให้มีการหลั่งกรดและน้ำย่อยในกระเพาะออกมาในปริมาณมากขึ้น มีโอกาสทำให้เกิดการระคายเคืองและอักเสบของเยื่อบุกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กได้ ตับ เป็นอวัยวะที่รับพิษจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากที่สุด แอลกอฮอล์จะเข้าทำลายเซลล์ตับทำให้ไขมันเข้าไปแทนที่และคั่งอยู่ในตับ เมื่อเซลล์ตับตายลงถึงระดับหนึ่งจะมีการสร้างพังผืดที่บริเวณนั้น ทำให้เป็น “โรคตับแข็ง” หัวใจและหลอดเลือด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเร็วขึ้น การบีบตัวของหัวใจไม่ปกติ ความดันโลหิตสูงขึ้น และส่งผลให้มีความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ ขาดเลือด อวัยวะสืบพันธุ์ การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก จะทำให้ความต้องการทางเพศลดลงและอาจส่งผลให้ลูกอัณฑะเล็กลงอีกด้วย “CAGE” 4…

อ่านต่อ

เทคนิคสุขภาพดีด้วยการออกกำลังกาย

การออกกำลังกายเป็นกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพประการหนึ่งที่สำคัญโดยมีการเคลื่อนไหวส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้อวัยวะระบบต่าง ๆ ของร่างกายได้ทำงานอย่างเต็มที่ เช่น ระบบไหลเวียนโลหิต ระบบหายใจ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเป็นประโยชน์ต่อทุกคนทุกเพศทุกวัย อีกทั้งยังช่วยป้องกันโรคหรือลดอัตราเสี่ยงการเกิดโรคต่าง ๆ ได้ อาทิ โรคอ้วน โรคความดันโลหิตสูง ประเทศไทยได้มีนโยบายส่งเสริมการออกกำลังกาย โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้มีนโยบายสร้างเสริมสุขภาพเพื่อให้ประชาชนไทยทุกกลุ่มอายุมีการออกกำลังกายที่ถูกต้องเหมาะสม ได้กำหนดแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ เพื่อมุ่งเสริมสร้างสุขภาพคนไทยให้แข็งแรง ลด ละ เลิก พฤติกรรมกลุ่มเสี่ยงทางสุขภาพออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เทคนิคสุขภาพดีด้วยการออกกำลังกาย 3 รูปแบบ การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอความหนักปานกลาง ทำกิจกรรมที่ทำให้หายใจเหนื่อยกึ่งหอบแบบต่อเนื่องจนหัวใจเต้นเร็ว ทำให้หัวใจแข็งแรง เผาผลาญไขมัน ควรออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอให้ได้อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ แนะนำให้ทำวันละ 30-50 นาที อย่างน้อย 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่ละครั้งควรไม่น้อยกว่า 10 นาที    ไม่ควรหยุดติดต่อกันเกิน 2 วัน การออกกำลังกายแบบแรงต้าน ทำกิจกรรมที่ทำให้เกิดการเกร็งกล้ามเนื้อเพื่อฝึกกล้ามเนื้อของร่างกาย โดยใช้แรงต้านจากน้ำหนักอุปกรณ์ หรือ การต้านกับแรงโน้มถ่วงโลก แนะนำให้ออกกำลังกายแบบนี้อย่างน้อย…

อ่านต่อ

วันสร้างสุขภาพแห่งชาติ

“วันสร้างสุขภาพแห่งชาติ”  ตรงกับวันที่ 27 พฤศจิกายนของทุกปี กำหนดขึ้นเพื่อให้ประชาชน      ทุกคนตระหนักถึง ‘การสร้างสุขภาพ’ มากกว่าการ ‘ซ่อมสุขภาพ’ รวมถึงการส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพที่ดีขึ้น ปัญหาสุขภาพของประชากรโลกเป็นปัญหาทางสังคมที่ทุกประเทศให้ความสำคัญ ในอดีตที่ผ่านมามีปัญหาโรคภัยไข้เจ็บที่รุนแรงเกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้ง การมีสุขภาพดีจึงเป็นรากฐานที่สำคัญของการดำเนินชีวิต ซึ่งเกิดจากพฤติกรรมและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมปัจจัยทางสังคม ดังนั้น การสร้างเสริมสุขภาพ (health promotion) จึงเป็นกระบวนการในการเพิ่มความสามารถให้ประชาชน เพื่อให้สามารถควบคุมปัจจัยกำหนดสุขภาพและพัฒนาสุขภาพของตนเองได้ ทั้งสุขภาวะทางกาย จิต สังคมและปัญญา ซึ่งไม่ใช่ เป็นเพียงความรับผิดชอบของบุคลากรและองค์กรสุขภาพเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องไปถึงภาคส่วนต่าง ๆ ในสังคม               ที่จะร่วมกันสร้างวิถีชีวิตและสังคมสิ่งแวดล้อมที่นำไปสู่สุขภาวะที่ดี ในนิยามที่พัฒนาให้กว้างขึ้นยังรวมถึงการเชื่อมโยงถึงสิทธิมนุษยชน ความเป็นธรรมทางสังคม และสิ่งแวดล้อมด้วย รู้จัก “สุขภาพ” ดี ทั้ง 4 มิติ สุขภาพดี 4 มิติ ที่เป็นองค์ประกอบของสุขภาพ ที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องและพึ่งพากัน                โดยพ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550 ได้กำหนดนิยามของ “สุขภาพ” คือ ภาวะที่มีความพร้อมสมบูรณ์      ทั้งทางกาย (Physical Health) ทางจิต (Mental Health)…

อ่านต่อ

วันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล

เนื่องจากองค์การสหประชาชาติได้กำหนดให้ทุกวันที่ 25 พฤศจิกายน ของทุกปี เป็น “วันยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงสากล (International Day for the Elimination of Violence against Women) ” เพื่อรณรงค์ให้สังคมตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาและร่วมกันขจัดความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กหญิง    ทั่วโลก ซึ่งในส่วนของประเทศไทยคณะรัฐมนตรี ได้กำหนดให้เดือนพฤศจิกายนของทุกปี เป็นเดือนรณรงค์     ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี มาตั้งแต่ปี 2542 รู้หรือไม่? โดยทั่วโลกได้มีการใช้ สัญลักษณ์“ริบบิ้นสีขาว” (White Ribbon) เป็นสัญลักษณ์       เพื่อแสดงถึงการร่วมต่อต้านการใช้ความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัวด้วย “ไม่ยอมรับ    ไม่นิ่งเฉย และไม่กระทำความรุนแรง” องค์การอนามัยโลก (World Health Organization หรือ WHO) ได้ให้นิยาม “ความรุนแรง”     ว่าหมายถึง การกระทำโดยมีเจตนาใช้กําลังทางกายหรือใช้อำนาจข่มขู่ครอบงำ ไม่ว่าจะเป็นการกระทํา       ต่อตนเอง ต่อผู้อื่น ต่อกลุ่มบุคคลหรือต่อชุมชน อันทําให้เกิดหรืออาจจะก่อให้เกิดการบาดเจ็บ ถึงแก่ความตาย เป็นอันตราย ต่อจิตใจ หรือการละเลยทอดทิ้ง…

อ่านต่อ