การป้องกันการถูกสุนัขกัด
ปัญหาการถูกสุนัขกัด ยังเป็นปัญหาที่สำคัญทางสาธารณสุขปัญหาหนึ่ง ประชากรมากกว่า 4.5 ล้านคนในประเทศสหรัฐอเมริกามีรายงานการโดนสุนัขกัดในแต่ละปี และ 1 ใน 5 จำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาบาดแผลจากบุคลากรทางการแพทย์ สำหรับในประเทศไทย คนไทยถูกสัตว์กัดไม่ต่ำกว่าปีละ 1 ล้านคน ร้อยละ 97 เป็นสุนัข กลุ่มที่มีประวัติการโดนกัดมากที่สุด คือ เด็กอายุ 5-14 ปีเพศชาย และผู้ที่เลี้ยงสุนัขอยู่ภายในบ้าน เนื่องจากเดิมสุนัขถือเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่ามีสัญชาตญาณการล่าเหยื่อสูง ถึงแม้ว่าได้มีการนำสุนัขมาเลี้ยงเป็นสุนัขบ้านมานาน แต่สัญชาตญาณความเป็นนักล่าและการปกป้องอาณาเขตตนเองของสุนัขยังคงมีอยู่ ดังนั้นสุนัขจึงแสดงการปกป้องตนเองออกมาโดยการกัด แม้ว่าสุนัขดังกล่าวจะไม่เคยมีประวัติการกัดคนมาก่อนก็ตาม ผลเสียที่เกิดจากการโดนสุนัขกัดมีหลายประการ เช่น เกิดบาดแผลรุนแรงโดยเฉพาะหากสุนัขกัดถูกบริเวณตำแหน่งสำคัญ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความพิการหรืออันตรายแก่ชีวิตได้ รวมทั้งยังมีโอกาสติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า หากสุนัขดังกล่าวติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า การลดความเสี่ยงต่อการถูกสุนัขกัดจึงมีความสำคัญ ผู้ใหญ่และเด็กจึงควรที่จะเรียนรู้การป้องกันการถูกสุนัขกัด
โดยทั่วไปสุนัขที่กัดคนส่วนใหญ่จะเป็นสุนัขมีเจ้าของ ดังนั้นก่อนที่จะนำลูกสุนัขหรือสุนัขตัวใหม่ไปเลี้ยง ควรปรึกษาสัตวแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ ก่อนว่าบ้านของท่านเหมาะกับการเสี้ยงสุนัขสายพันธุ์ใด เพราะสุนัขแต่ละสายพันธุ์มักจะมีนิสัยหรือธรรมชาติที่แตกต่างกันออกไป หากสุนัขมีประวัติพฤติกรรมก้าวร้าว ดุร้าย ไม่ควรนำไปเลี้ยงในครอบครัวที่มีเด็กเล็กอาศัยอยู่ด้วย และเมื่อนำสุนัขไปเลี้ยงภายในบ้าน ไม่ควรหยอกล้อหรือเล่นกับสุนัขอย่างรุนแรง หรือทำให้สุนัขตกใจ เช่น ดึงหาง ไม่ควรรบกวนสุนัขที่กำลังนอนหลับ กินอาหาร หรือเล่นกับสุนัขแม่ลูกอ่อน ไม่ควรปล่อยคนชราและเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปีไว้กับสุนัขตามลำพัง หลีกเลี่ยงการวิ่งหรือปั่นจักรยานหรือเล่นกิจกรรมที่มีการเคลื่อนที่ไปมาผ่านสุนัขที่ไม่ได้ล่ามสายจูงไว้ เนื่องจากวัตถุที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจะกระตุ้นสัญชาตญาณการไล่ล่าของสุนัข
นอกจากนี้เพื่อความปลอดภัยจากการโดนสุนัขกัดในเด็ก ผู้ปกครองควรสอนให้เด็กปฏิบัติตน ดังนี้
– อย่าเข้าใกล้สุนัขที่ไม่คุ้นเคยหรือสุนัขที่มักมีพฤติกรรมดุร้าย ก้าวร้าว เช่น คำราม แยกเขี้ยว หรือสุนัขที่อยู่ในภาวะอันตรายซึ่งมีโอกาสกัดคนสูง เช่น สุนัขที่อยู่ในภาวะตื่นตกใจกลัวหรือมีลูกอ่อน
– อย่าตะโกนเสียงดังใส่สุนัข
– อย่าให้อาหารสุนัขแปลกหน้าหรือสุนัขจรจัด
– อย่าสบตากับสุนัขโดยตรง หรือเคลื่อนที่ทันทีเพราะสุนัขจะคิดว่าเป็นการท้าทาย สายตาอาจชำเลืองดูเล็กน้อย เมื่อสุนัขสงบลงจึงค่อย ๆถอยห่างทีละน้อย
– เมื่อเจอสุนัขที่ไม่คุ้นเคยควรทำตัวนิ่ง ๆ หากสุนัขกระโจนเข้าใส่ ให้ย่อตัวหมอบลง ก้มหน้า ใช้แขนปิดศีรษะไว้ โดยสิ่งที่ต้องระวังมากที่สุดคือ ใบหน้า
– เมื่อเจอสุนัขกัดกัน ไม่ควรเข้าไปห้าม
– ห้ามเล่นกับสุนัข โดยปราศจากการดูแลจากผู้ใหญ่
– หากถูกสุนัขกัด ควรรีบบอกผู้ใหญ่ทันที
อย่างไรก็ตามหากหลีกเลี่ยงการโดนกัดโดยสุนัขไม่ได้ สิ่งสำคัญที่สุดหลังจากโดนสุนัขกัด ควรรีบทำความสะอาดบาดแผลด้วยน้ำสะอาดและสบู่อย่างน้อย 15 นาที ใส่ยาฆ่าเชื้อและรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้เร็วที่สุด ทั้งนี้เพื่อป้องกันการติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าจากการโดนสุนัขกัด
(ที่มา: จุลสารเสาวภา ปีที่ 3 ฉบับที่ 2)