มัดรวมวิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศ สู้ฝุ่น PM2.5
ในช่วงที่สภาวะอากาศไม่เอื้ออำนวย มลภาวะทางสภาพอากาศอย่างฝุ่นละออง PM2.5 ปกคลุมหนาแน่นในหลายพื้นที่ สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ทางระบบทางเดินหายใจและอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้ เช่น โรคหอบหืด โรคภูมิแพ้ ซึ่งวิธีหนึ่งในการช่วยลดความเสี่ยงสำหรับคนที่อาศัยอยู่ในที่ปิดมิดชิดนั่น ก็คือการใช้ เครื่องฟอกอากาศ วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีเลือกดังนี้
ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มี แผ่นกรองฝุ่นชนิด HEPA (High Efficiency Particulate Air Filter) หรือ เครื่องฟอกอากาศไอออน โดยมีองค์ประกอบหลักต่าง ๆ ดังนี้
- เลือกให้เหมาะสมกับขนาดห้องตามพื้นที่การใช้งาน โดยเครื่องฟอกอากาศแต่ละรุ่นจะมีระบุพื้นที่การใช้งานที่เหมาะสม หากเลือกขนาดที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เครื่องทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ
- ดูค่าอัตราการส่งอากาศสะอาด หรือ ค่า CADR (Clean Air Delivery Rate) ควรมีค่ามากกว่า 3 เท่าของปริมาตรห้อง หากมีค่าสูงจะกระจายอากาศสะอาดได้เร็วและมาก (ให้ตรวจสอบจากกล่องบรรจุสินค้า หรือ คู่มือการใช้งาน)
- ดูค่าความเร็วลม หรือ ค่า Air Flow หรือ Air Volume หากมีค่าสูงจะฟอกอากาศได้เร็ว (ให้ตรวจสอบจากล่องบรรจุสินค้าหรือคู่มือใช้งาน)
- สังเกตมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.)
- คำนึงถึงค่าใช้จ่ายระยะยาว นอกจากเรื่องของราคาที่ต้องพิจารณาแล้ว เพื่อให้ได้เครื่องฟอกอากาศที่ดีที่สุด เราควรคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนไส้กรองและค่าพลังงานไฟฟ้า การเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรองอายุการใช้งานนาน
- ควรเปลี่ยนแผ่นกรองตามระยะเวลาที่กำหนด หรือเมื่อมีการสะสมของฝุ่นมาก โดยสังเกตจากสีหรือลมที่ออกมาจากเครื่อง (ปฏิบัติตามคำแนะนำในคู่มือการใช้งาน)
ประโยชน์ของเครื่องฟอกอากาศมีอะไรบ้าง
- ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด โรคภูมิแพ้
- ช่วยให้อากาศหายใจสะอาดและรู้สึกสบายใจ
- ปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในบ้าน
ที่มา: กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข