วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ.2562 เวลา 07.27 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย เสด็จพระราชดำเนินไปยังบริเวณลานน้ำพุ สถานเสาวภา สภากาชาดไทย เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ทรงวางพุ่มดอกไม้และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ถวายราชสักการะพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และเสด็จพระราชดำเนินไปยังด้านหน้าอาคารสถานเสาวภา ทรงบาตรพระสงฆ์ 32 รูป ซึ่งจัดขึ้นเนื่องในวันสถาปนาสภากาชาดไทย ครบรอบ 126 ปี
สภากาชาดไทยถือกำเนิดขึ้นในต้นรัตนโกสินทรศก 112 (พ.ศ. 2436) ขณะนั้นได้เกิดกรณีพิพาทระหว่างสยามกับฝรั่งเศส เรื่องดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง หรือที่เรียกกันว่า “วิกฤตการณ์สยาม” เหตุการณ์ทวีความรุนแรงจนเกิดการสู้รบ และส่งผลให้มีทหารบาดเจ็บล้มตายจำนวนมากแต่ทว่าไม่มีองค์กรการกุศลใดๆ ให้ความช่วยเหลือและให้การพยาบาลทหารที่บาดเจ็บเหล่านั้น
ท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ เห็นว่าสตรีชาวสยามสามารถมีบทบาทสนับสนุนช่วยเหลือเหล่าทหารที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ในสงครามได้ จึงชักชวนและรวบรวมสตรีอาสาสมัคร และได้กราบบังคมทูลสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี (สมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า) ขอให้ทรงนำความขึ้น กราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต จัดตั้งสภาอุณาโลมแดงแห่งชาติสยาม เมื่อความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้วนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดตั้ง “สภาอุณาโลมแดงแห่งชาติสยาม” ขึ้น ในวันที่ 26 เมษายน ร.ศ.112 (ถือเป็นวันสถาปนาสภากาชาดไทย) และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมรับไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้สามารถเรี่ยไรเงินบริจาค อีกทั้งยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี (สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า) เป็น “สภาชนนี” สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวี (สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง) เป็น “สภานายิกา” และท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ เป็น “เลขานุการิณี”
ในภายหลังชื่อ “สภาอุณาโลมแดงแห่งชาติสยาม” ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “สภากาชาดสยาม” ในปีพ.ศ.2449 จากนั้นชื่อ”สภากาชาดสยาม” ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “สภากาชาดไทย” ในปีพ.ศ. 2482 จนถึงปัจจุบัน