กินไก่มาก เสี่ยงโรคเกาต์ จริงหรือ?

โรคเกาต์เป็นโรคข้ออักเสบที่เกิดจากภาวะกรดยูริคในเลือดสูง แล้วเกิดการตกตะกอนเป็นผลึกยูเรตสะสมอยู่ในข้อจนทำให้เกิดอาการปวด บวม อักเสบของข้อได้ โดยกรดยูริคเกิดจากการสารจำพวกพิวรีน ซึ่งพบได้ในอาหารบางประเภท สามารถแบ่งกลุ่มอาหารได้ 3 กลุ่ม คือ อาหารที่มีพิวรีนน้อย ได้แก่ นมและผลิตภัณฑ์จากนม ไข่ ผัก ผลไม้ ธัญพืชยกเว้นพืชตระกูลถั่ว วุ้น น้ำตาล ไขมัน อาหารที่มีพิวรีนปานกลาง ได้แก่ เนื้อหมู เนื้อวัว ปลาหมึก ปู ปลากระพงแดง สะตอ ถั่วลิสง ใบขี้เหล็ก ข้าวโอ็ต ผักโขม หน่อไม้ ดอกกะหล่ำ อาหารที่มีพิวรีนสูง ได้แก่ เนื้อไก่ เป็ด ห่าน เครื่องในสัตว์ ไข่ปลา ปลาซาร์ดีน กะปิ กุ้งชีแฮ้ ซุปก้อน น้ำซุปกระดูก ยีสต์ เห็ด กระถิน ชะอม พืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วแดง ถั่วดำ เป็นต้น

โรคที่พบบ่อย เมื่อมีอาการปวดท้อง

ช่องท้องประกอบไปด้วยอวัยวะต่าง ๆ จำนวนมาก ได้แก่ ตับ ถุงน้ำดี กระเพาะอาหาร ม้าม ตับอ่อน ไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ รวมไปถึงอวัยวะของระบบสืบพันธุ์ เป็นต้น ทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดท้องและพบได้บ่อยจึงต้องไปพบแพทย์ สาเหตุของอาการปวดท้องอาจเกิดจากโรคของอวัยวะต่าง ๆ ที่อยู่ในช่องท้อง หรืออาจเกิดจากอวัยวะนอกช่องท้อง เรียกว่าอาการปวดท้องที่ร้าวมาจากอวัยวะอื่น (Referred Pain) เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคปอดบวม การติดเชื้อที่ผิวหนัง เช่น โรคงูสวัด เป็นต้น การหาสาเหตุของอาการปวดท้องประกอบด้วยวิธีต่าง ๆ มากมาย ตั้งแต่การซักประวัติ ตรวจร่างกาย การส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ รวมไปถึงการส่งตรวจวินิจฉัยทางรังสี แม้ว่าจะมีวิธีตรวจมากมายแต่สิ่งหนึ่งที่ช่วยในการวินิจฉัยโรค คือ ตำแหน่งที่ปวดท้อง ช่องท้องแบ่งเป็น 7 ส่วน เมื่อใช้สะดือเป็นจุดตรงกลางลากเส้นสมมุติแนวนอน เหนือเส้นแนวสะดือเป็นช่องท้องช่วงบน ใต้เส้นแนวสะดือเป็นช่องท้องช่วงล่าง ต่อมาลากเส้นแนวตั้งกลางลำตัวแบ่งเป็นช่องท้องซีกซ้ายและช่องท้องซีกขวา และเพิ่มอีก 3 ส่วน คือ ใต้ลิ้นปี่ (Epigastrium) บริเวณรอบสะดือ (Periumbilical area)…