วันที่ 5 ธันวาคม 2564 นายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย เป็นประธานพิธีทอดผ้าป่าใบแสดงความจำนงบริจาคดวงตาในโครงการ “จากวันพระ…ถึงวันพ่อ ร่วมทอดผ้าป่าดวงตามหากุศล ปีที่ 12” เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และเพื่อประชาสัมพันธ์เชิญชวนประชาชนแสดงความจำนงบริจาคดวงตาให้แก่สภากาชาดไทยผ่านกิจกรรมการทอดผ้าป่าดวงตามหากุศลณ วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก กรุงเทพมหานคร โดยมีพระราชวินัยสุนทร (ธงชัย ธมฺมธโช) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระราม 9 กาญจนาภิเษกเป็นประธานฝ่ายสงฆ์
โครงการ “จากวันพระ…ถึงวันพ่อ ร่วมทอดผ้าป่าดวงตามหากุศล ปีที่ 12” ถือเป็นกิจกรรมที่สำคัญของศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย ซึ่งมีเป้าหมายในการรณรงค์เชิญชวนให้ประชาชนผู้มีกุศลจิต ร่วมแสดงความจำนงบริจาคดวงตา ให้แก่ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย ตลอดจนการสร้างความรู้ความเข้าใจ เพื่อให้เกิดทัศนคติที่ดีต่อการบริจาคดวงตา โดยเริ่มดำเนินโครงการฯ เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2564 และสิ้นสุดโครงการฯ ในวันที่ 5 ธันวาคม 2564มีเป้าหมาย คือ ผู้แสดงความจำนงบริจาคดวงตา จำนวน 50,000 ราย จากผลการปฏิบัติงานตลอดโครงการฯ มีผู้แสดงความจำนงบริจาคดวงตา (ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2564 ถึง 30 พฤศจิกายน 2564) จำนวน 34,872 ราย
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ แพทย์หญิงลลิดา ปริยกนก ผู้อำนวยการศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย มีภารกิจในการจัดหาดวงตาบริจาคของประชาชน เพื่อมอบให้กับจักษุแพทย์นำไปใช้ในการรักษาผู้ป่วยอย่างเท่าเทียมและยุติธรรม ตลอดจนส่งเสริมการให้บริการทางการแพทย์ ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย ได้ดำเนินภารกิจในการจัดหาดวงตาบริจาคจากผู้เสียชีวิต เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยกระจกตาพิการอย่างต่อเนื่องด้วยการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านสาธารณสุขของประเทศ
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด 19 ในประเทศไทยตั้งแต่ต้นปี 2563 จนถึงปัจจุบันทำให้ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทยและหน่วยงานเครือข่าย ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประชาชนผู้มีจิตกุศลไม่สามารถเดินทางมาแสดงความจำนงบริจาคดวงตา ณ ศูนย์ดวงตา หรือ หน่วยงานเครือข่ายได้ อีกทั้ง หน่วยงานเครือข่าย ไม่สามารถออกหน่วยประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ประชาชนได้เต็มที่ส่งผลทำให้จำนวนผู้แสดงความจำนงบริจาคดวงตาลดลง อย่างไรก็ตาม ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทยและหน่วยงานเครือข่าย ยังมีความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือผู้ป่วยกระจกตาพิการให้ได้รับการรักษาอย่างดีที่สุดในท่ามกลางวิกฤติครั้งนี้ ตลอดจนการพัฒนาความร่วมมือด้านการแพทย์และองค์ความรู้ที่ทันสมัยอันเป็นประโยชน์ต่อจักษุแพทย์และผู้ป่วยโรคกระจกตาพิการ