โฟลิกไม่ได้ป้องกันแค่เรื่องปากแหว่งเพดานโหว่ ความพิการทางมือ
แต่ลดโอกาสการเกิดความพิการแต่กำเนิดเกือบทุกอย่าง
“ตอนหลังเราได้องค์ความรู้มาว่า ความพิการแต่กำเนิดส่วนใหญ่มาจากพันธุกรรม แต่ก็มีบางส่วนที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมระหว่างที่แม่ตั้งครรภ์ เช่น แม่สูบบุหรี่ กินเหล้า กินยาบางตัว ติดเชื้อหัดเยอรมัน แต่เดิมเราคิดว่าถ้าเป็นเรื่องพันธุกรรม ป้องกันไม่ได้ แต่เพิ่งมารู้ว่าทั่วโลกเค้ารู้กันมานานแล้วว่าถึงจะเป็นพันธุกรรมก็ป้องกันได้ ถ้าได้กินวิตามินโฟลิกตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ 3 เดือน จนกระทั่งตั้งครรภ์ครบ 3 เดือน วันละ 0.4 มิลลิกรัม จะช่วยลดโอกาสความพิการของลูกได้เกือบครึ่ง เป็นงานวิจัยออกมาแบบนี้ องค์การอนามัยโลกให้คำแนะนำมา 20 กว่าปีแล้ว และเมื่อ10 ปีที่แล้วก็ออกคำแนะนำย้ำมาอีกว่า ทั่วโลกควรจะรณรงค์ป้องกันความพิการแต่กำเนิดด้วยโฟลิก ที่อเมริกาบังคับเป็นกฎหมายว่าอาหารที่คนรับประทานทุกวันต้องผสมโฟลิกในปริมาณสูงในระดับที่ถ้าตั้งท้อง ตัวอ่อนจะได้รับโฟลิกสูงด้วยเพื่อไปกดการแสดงออกของพันธุกรรม ทำให้เด็กที่ควรจะพิการ ไม่พิการ แต่ยากตรงที่ต้องกินตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ เพราะฉะนั้นถ้าไม่บังคับเป็นกฎหมายแล้วทานช้าไป ตัวอ่อนก็พิการไปแล้ว คนอเมริกันเลยได้รับการป้องกันทุกคน และผลจากการบังคับเป็นกฎหมายครบ 20 ปี เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา พบว่าอัตราความพิการแต่กำเนิดของประเทศเขาลดฮวบนะครับ และเขาก็ยังคงยืดหยัดกฎหมายนี้มาตลอด 20 ปี ทุกวันนี้ 80 กว่าประเทศทั่วโลกที่บังคับเป็นกฎหมาย ส่วนประเทศที่ไม่บังคับกฏหมายก็รณรงค์กันอย่างจริงจังแต่ประเทศไทยยังขาดเรื่องนี้ ทางสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชาชนมัยพิทักษ์ก็พยายามผลักดันอย่างเต็มที่มา 10 กว่าปีแล้ว จนกระทั้งเมื่อ 2-3 ปีก่อน เชิญกระทรวงสาธารณสุขมาเสวนากันที่สภากาชาดไทย ร่วมกับนักวิชาการจากโรงเรียนแพทย์ใหญ่ๆ ของประเทศไทย และนักอุตสาหกรรมอาหารต่างๆ แล้วก็ประชุมอีกหลายครั้งที่กระทรวงสาธารณสุข สุดท้ายกระทรวงฯ ก็ประกาศเป็นนโยบาย “สาวไทยแก้มแดงมีลูกเพื่อชาติด้วยวิตามินแสนวิเศษ” เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2560 เราก็ติดตามผลักดันกันต่อไป เพราะเรื่องนี้อาศัยแรงมากกว่าอาศัยเงิน เพราะวิตามินโฟลิกถูกมาก ราคาขายขององค์การเภสัช เม็ดนึงแค่ 20 สตางค์ เดือนละ 6 บาท ซื้อน้ำอัดลมประป๋องเดียวยังแพงกว่าเลย เราก็ไปทำ MOU ร่วมกับบางจังหวัด ในการที่จะทำให้ลูกหลานในจังหวัดคลอดออกมาแล้วไม่พิการ ”
“โฟลิกไม่ได้ป้องกันแค่เรื่องปากแหว่งเพดานโหว่ ความพิการทางมือ มันลดโอกาสการเกิดความพิการแต่กำเนิดเกือบทุกอย่างเลยนะครับ แล้วก็ผ่านการพิสูจน์แล้วจากทั่วโลก คุณเชื่อไหมคนเราไม่รู้หรอกว่าเรื่องความพิการแต่กำเนิดมันใกล้ตัวแค่ไหน บางคนคิดว่าในบ้านของตัวเอง ครอบครัวปู่ย่าตายายไม่เคยมีใครพิการ ถ้าท้องลูกก็คงไม่พิการ ไม่มีเชื้อ จริงๆไม่ใช่นะ ความพิการแต่กำเนิดในเด็กที่คลอดออกมา ส่วนมากเลยไม่มีประวัติครอบครัว แต่มันเป็นพันธุกรรมที่ซ่อนอยู่ แล้วยีนส์มาผสมกันมาแสดงออกรุ่นลูก เพราะฉะนั้นต่อให้ครอบครัวไม่มีใครพิการ ลูกมีโอกาสพิการเสมอ เด็ก 100 คนที่คลอดออกมา พิการรุนแรงมากกว่า 3 คน ประมาณร้อยละ 3 กว่าๆ นับเฉพาะพิการรุนแรง แต่ว่าเราไม่ค่อยเห็นกันเพราะความพิการส่วนใหญ่อยู่ภายใน เช่น โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด มันมีผลกับชีวิตเขาทั้งชีวิต คือไม่แข็งแรงเท่ากับคนอื่น เฉพาะโรคหัวใจแต่กำเนิดโรคเดียวเกือบร้อยละ 1 ของเด็กที่คลอดออกมาทั้งหมด เพราะฉะนั้นมันเป็นปัญหาใหญ่ หนึ่งครอบครัว ถ้ามีลูกพิการหนึ่งคนบางทีมันเหมือนพิการกันไปทั้งครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นคนจนหรือคนรวย แพทย์หญิงบางคนมีลูกพิการต้องลาออกจากงานเพื่อมาดูแลลูก เขาถึงรณรงค์กันทั่วโลก แต่ที่ไทยยังไม่ค่อยมีความรู้เรื่องนี้ แพทย์ที่จบแพทยศาสตร์บัณฑิตยังมีจำนวนน้อยมากที่รู้เรื่องนี้ รู้ว่าป้องกันความพิการแต่กำเนิดได้แต่ไม่รู้ว่าต้องทานอย่างไรเท่าไหร่ก็ไม่สามารถไปสอนคนไข้ได้ เรื่องนี้ต้องมีการผลักดัน ประชาสัมพันธ์บอกต่อกันให้เยอะที่สุดเท่าที่จะเยอะได้ก่อนที่เราจะมีกฏหมาย ผู้หญิงทุกคนที่มีโอกาสตั้งท้องจะต้องรู้เรื่องนี้ครับ จริงๆต้องถือเป็นสิทธิของประชาชนทุกคนที่จะต้องรับความรู้เรื่องนี้ มีการศึกษาจากนอร์เวย์ว่าการทานโฟลิกตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ ลูกที่คลอดออกมามีโอกาสเป็นออทิสติกลดลงครึ่งนึงนะครับ และยังช่วยลดโอกาสการคลอดก่อนกำหนดอีกด้วย”
“ทุกครั้งที่ไปออกหน่วยจะเจอคนที่มาผ่าตัดแล้วดีใจที่ได้เห็นรูปลักษณ์ใหม่ของตัวเอง หลังผ่าใหม่ๆวันสองวันบางทียังบวมอยู่แต่แค่เขาเห็นก็ดีใจแล้ว คือมันเป็นความคิดที่ฝังอยู่ในใจเด็กเองและพ่อแม่ ใครมีลูก เวลาคลอดลูกคำถามแรกที่ถามหมอคือครบ 32 ไหม ไม่ใช่ถามว่าลูกหล่อไหม สวยไหม เพราะมันเป็นคำถามที่จะบ่งชี้ชะตาชีวิตของเด็กและชะตาชีวิตของพ่อแม่เด็กด้วย”