ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย ร่วมกับองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (USAID) และFHI 360 จัด “งานเสวนาสุขภาพและสิทธิมนุษยชนของคนข้ามเพศ” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมเนื่องในวันสากลว่าด้วยการมีตัวตนของคนข้ามเพศ (International Transgender Day of Visibility) ที่มีกำหนดจัดขึ้นในเดือนมีนาคมของทุกปี เพื่อนำไปสู่การรณรงค์เชิงนโยบายที่สร้างความเท่าเทียมให้แก่ชุมชนคนข้ามเพศในทุกมิติ ทั้งการจ้างงาน การศึกษา และด้านสาธารณสุข โดยมี เจแซล บาร์บี รอยัล มิสอินเตอร์เนชั่นแนลควีน 2019 พร้อม เอสม่อน-กัญญ์วรา แก้วจีน รองชนะเลิศอันดับหนึ่ง และญาญ่า รองชนะเลิศอันดับสอง ร่วมเสวนา พร้อมทั้งเยี่ยมชมการทำงานของคลินิกสุขภาพชุมชนแทงเจอรีนซึ่งเป็นศูนย์สุขภาพชุมชนที่ให้บริการทางด้านสุขภาพสำหรับคนข้ามเพศของศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา
“เจแซล บาร์บี รอยัล” มิสอินเตอร์เนชั่นแนลควีน 2019 เป็นอาสาสมัครและนักเคลื่อนไหวด้านเอชไอวีให้แก่องค์กรสุขภาพชุมชนในมลรัฐฟลอริด้า และได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับชุมชนหญิงข้ามเพศทั่วโลกด้วยการตอบคำถามในรอบสุดท้ายของการประกวดสาวงามข้ามเพศมิสอินเตอร์เนชั่นแนลควีน ประจำปี 2019 ว่า “การป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกในการสื่อสารกับสาธารณชน รวมทั้งการชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของยาเพร็พ (PrEP: Pre-Exposure Prophylaxis) และยาเป๊บ (PEP: Post-Exposure Prophylaxis) ที่เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี”
เจแซล กล่าวในการเสวนาว่า “คนข้ามเพศควรรู้ว่าตัวเองมีทางเลือก และรู้ว่ายาเพร็พ (PrEP) และยาเป๊บ (PEP) สามารถช่วยได้ อยากให้ทุกคนเปิดอกคุยกันและมั่นใจที่จะออกมารับบริการด้านสุขภาพ รวมทั้งตรวจหาเชื้อเอชไอวีเพื่อให้ทราบสถานะของตัวเอง”
สำหรับศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย ได้จัดตั้ง “คลินิกสุขภาพชุมชนแทนเจอรีน” เป็นคลินิกเฉพาะทางสำหรับคนข้ามเพศแห่งแรกของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากแผนการฉุกเฉินของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเพื่อบรรเทาปัญหาเอดส์ (PEPFAR) ผ่านองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (USAID) ภายใต้โครงการ USAID LINKAGES ประเทศไทย โดยการบริหารจัดการขององค์การแฟมิลี่ เฮลท์ อินเตอร์เนชั่นแนล (FHI 360)
ศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์ประพันธ์ ภานุภาค ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า “เรามุ่งมั่นที่จะให้บริการสุขภาพที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสูงสุดและเข้าถึงได้สำหรับคนข้ามเพศ และเรียกร้องให้สังคมเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนข้ามเพศ”
ด้าน นิชา กุปตา ตัวแทนองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (USAID) กล่าวว่า “รู้สึกภูมิใจที่รัฐบาลอเมริกาเป็นเบื้องหลังความสำเร็จของคลินิกสุขภาพชุมชนแทนเจอรีน หลักการทำงานคือปัญหาต้องได้รับการแก้ไข และทำโดยชุมชนคนข้ามเพศ”
คลินิกสุขภาพชุมชนแทนเจอรีนเริ่มเปิดให้บริการในปี 2015 โดยปัจจุบันมีผู้เข้ารับบริการแล้วเกือบ 3,000 คน ซึ่งจากสถิติแสดงให้เห็นว่ามีการให้บริการสุขภาพต่าง ๆ มากกว่า 7,000 ครั้ง รูปแบบการทำงานของคลินิกได้ถูกนำไปใช้เป็นต้นแบบในการให้บริการสุขภาพแก่คนข้ามเพศในประเทศฟิลิปปินส์และเวียดนาม และจะมีการนำไปเปิดให้บริการในประเทศกัมพูชาในเร็ว ๆ นี้
คลินิกสุขภาพชุมชนแทนเจอรีน ตั้งอยู่ที่คลีนิคนิรนาม ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย ถ.ราชดำริ กรุงเทพฯ เปิดให้บริการวันจันทร์ถึงวันศุกร์ เวลา 08.30-16.30 น. สอบถามโทร. 0 2253 0995 หรือ เพจ Tangerine Community Health Center