ICRC ช่วยแรงงานข้ามชาติ

ICRC ให้การช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติในการรับมือกับ COVID-19

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ หรือ ICRC ได้ดำเนินกิจกรรมในการสนับสนุนหน่วยงานภาครัฐหลายแห่งในประเทศไทยทั้งส่วนกลางและต่างจังหวัด ในการช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติซึ่งถือเป็นกลุ่มเปราะบางและอาจจะยังขาดแคลนอุปกรณ์ในการป้องกันเชื้อที่จำเป็นหลายรายการ อันได้แก่ ห้องกักสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) – ICRC ให้การสนับสนุนกับห้องกักด่านตรวจคนเข้าเมือง 4 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ สตม.สวนพลู สตม.ดอนเมือง สตม.ระนอง และด่านตม.สะเดา จังหวัดสงขลา ด้วยการมอบอุปกรณ์ทำความสะอาด เครื่องตรวจวัดอุณหภูมิ และ อุปกรณ์ป้องกันอื่นๆ เช่น แว่นป้องกันตา ถุงมือ อุปกรณ์ป้องกันใบหน้า และ หน้ากากอนามัย โดยอุปกรณ์เหล่านี้จะถูกนำไปใช้ฆ่าเชื้อและดูแลความสะอาดของสถานที่และป้องกันเจ้าหน้าที่และบุคคลที่อยู่ในความดูแลของห้องกักดังกล่าว นอกจากนี้ยังได้มอบชุด Restoring Family Links (RFL) kits ให้แก่ ห้องกักสตม. สวนพลู สำหรับใช้ทำความสะอาดโทรศัพท์สาธารณะที่ต้องใช้ร่วมกันเพื่อสร้างความมั่นใจว่าการติดต่อทางไกลระหว่างผู้ต้องกักและญาติจะดำเนินไปอย่างปลอดภัย พื้นที่ภาคเหนือ – ทำงานร่วมกับโรงพยาบาลในประเทศไทยที่ตั้งอยู่บริเวณชายแดน ในการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการรักษาผู้ป่วยที่ไม่ได้อยู่ในระบบหลักประกันสุขภาพของไทย – จัดสร้างห้องแยกผู้ป่วยโควิด-19 ให้กับคลีนิคแม่ตาว ที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เพื่อสามารถให้บริการสุขภาพขั้นพื้นฐานกับแรงงานข้ามชาติซึ่งข้ามมาจากชายแดนประเทศเพื่อนบ้านได้ –  ให้ความช่วยเหลือในการอบรมและเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อและการป้องกันให้กับชุมชนในจังหวัดตาก ให้ความรู้…

จัดการศพ

ICRC เผยการวางแผนเพื่อรับมือกับร่างของผู้เสียชีวิตจาก COVID-19

การวางแผนล่วงหน้าเพื่อรับมือกับร่างของผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 เป็นสิ่งสำคัญ เจนีวา – คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) ระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 อาจเกินขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในการจัดการศพหรือร่างผู้เสียชีวิตได้อย่างเหมาะสมแต่หากมีการเตรียมการและวางแผนที่ดีพอก็สามารถที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้ เพื่อเป็นการให้เกียรติต่อผู้เสียชีวิตและครอบครัวที่รอดชีวิต แต่หากล้มเหลวอาจหมายถึงการที่ต้องฝังร่างของผู้เสียชีวิตไว้ในหลุมฝังศพขนาดใหญ่ และมีการจดบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับผู้เสียชีวิตและสถานที่ที่นำร่างผู้เสียชีวิตไปฝังไว้ไม่ละเอียดพอ และ ทำให้ญาติผู้เสียชีวิตไม่ทราบว่าท้ายที่สุดแล้วร่างของบุคคลอันที่เป็นที่รักถูกฝังไว้ที่ไหน “การวางแผนเพื่อรองรับจำนวนของผู้เสียชีวิต ไม่ได้หมายความว่าจะมีผู้เสียชีวิตมากขึ้น แต่การวางแผนไว้ล่วงหน้ามีความจำเป็น และอาจต้องมีการดำเนินงานเพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บปวดที่ครอบครัวและสังคมในวงกว้างต้องเผชิญ เราต้องการหลีกเลี่ยงการปฏิบัติต่อร่างผู้เสียชีวิตอย่างไร้เกียรติและศักดิ์ศรี” โอราน ฟินเนอกาน ผู้อำนวยการแผนกนิติเวช ประจำ ICRC กล่าว ในหลายประเทศ แม้จะไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งหรือการสู้รบ แต่สถานที่ดำเนินการจัดการศพและสถานที่เก็บศพที่มีอยู่ก็เต็มไปด้วยร่างผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และสถานการณ์ดังกล่าวอาจทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการสู้รบ เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีขีดความสามารถจำกัดในการรับมือกับร่างผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ดังนั้น สิ่งที่จะต้องมี คือการจัดตั้งหรือนำแผนรับมือเหตุฉุกเฉินมาใช้ ก่อนที่วิกฤติใด ๆ จะเกิดขึ้น จนทำให้เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินรับมือไม่ไหวและขาดแคลนทรัพยากรในการจัดการ ทั้งนี้ก็เพื่อให้มีการระบุตัวตนและการจดบันทึกเอกสารเกี่ยวกับร่างผู้เสียชีวิตได้อย่างเหมาะสม ตลอดจนมีการอำนวยความสะดวกด้านกระบวนการขอรับใบมรณบัตร การจดทะเบียนผู้เสียชีวิต และใบอนุญาตฝังร่างผู้เสียชีวิตที่ถูกต้อง “หลายคนมักจะไม่เห็นความสำคัญของกระบวนการด้านนิติเวช จนกว่าผู้เสียชีวิตคนนั้นจะเป็นคนที่คุณรัก ไม่ว่าจะเป็นแม่ พี่ชาย หรือลูก คุณจึงต้องให้ความใส่ใจอย่างถี่ถ้วนว่ามีการจัดการอย่างถูกต้องกับร่างของผู้เสียชีวิต หากประเทศต่าง ๆ เริ่มวางแผนตั้งแต่เนิ่นๆ ก็อาจจะช่วยทำให้มีการจัดการกับร่างผู้เสียชีวิตได้อย่างสมเกียรติและศักดิ์ศรี…