วันที่ 30 กรกฎาคม 2563 เวลา 11.00 น. นายแพทย์ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบประกาศนียบัตรแก่อาสาสมัครองค์กรภาคประชาสังคมที่ผ่านการบอรมและรับรองสมรรถนะ หลักสูตร “การป้องกัน ส่งต่อ และดูแลด้านเอชไอวี” รุ่นที่ 1 ภายใต้โครงการ USAID Community Partnership (ENGAGE) ณ โรงแรมเรเนซองส์ ราชประสงค์ กรุงเทพมหานคร

นายแพทย์รัฐพล เตรียมวิชานนท์ ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค และดร. พัชรา เบญจรัตนาภรณ์ ผู้อำนวยการโครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติ (UNAIDS) ประจำประเทศไทย ร่วมเป็นเกียรติในงาน
โครงการ USAID Community Partnership หรือ ENGAGE เป็นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ USAID ดำเนินการภายใต้ความร่วมมือระหว่างศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย และ 3 องค์กรชุมชน คือ สมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย มูลนิธิเพื่อนพนักงานบริการ และมูลนิธิเอ็มพลัส เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2559 มีภารกิจหลัก คือ ดำเนินการพัฒนาศักยภาพและรับรองสมรรถนะเจ้าหน้าที่ขององค์กรภาคประชาสังคมด้านการให้บริการเอชไอวีเพื่อให้สามารถให้บริการได้อย่างมีคุณภาพ และขับเคลื่อนเชิงนโยบายเพื่อให้เกิดระบบการสนับสนุนองค์กรภาคประชาสังคมให้มีส่วนร่วมในการจัดบริการเอชไอวีอย่างเป็นระบบ ถูกต้อง และมีคุณภาพ
ศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์ประพันธ์ ภานุภาค ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า “โครงการฯ สามารถพัฒนาหลักสูตรด้านบริการเอชไอวีสำหรับเจ้าหน้าที่ขององค์กรภาคประชาสังคมและจัดบอบรมวิชาต่าง ๆ ตามหลักสูตร ซึ่งรวมถึง ความรู้เบื้องต้นด้านเอชไอวีและโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง การให้การปรึกษาเพื่อตรวจเอชไอวี การให้บริการเพร็พในชุมชน การให้บริการจ่ายยาต้านไวรัสแก่ผู้ติดเชื้อที่มีอาการคงที่แล้วภายใต้การสั่งจ่ายยาโดยแพทย์ การตรวจคัดกรองเอชไอวี และการจ่ายยารักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ไม่มีอาการแทรกซ้อนภายใต้การสั่งจ่ายยาโดยแพทย์ ให้แก่เจ้าหน้าที่ขององค์กรภาคประชาสังคม จำนวน 303 คน ซึ่งผู้ที่เข้าร่วมการอบรมได้สามารถฝึกปฏิบัติงานครบถ้วนและผ่านเกณฑ์การประเมินเพื่อรับรองสมรรถนะตามเกณฑ์ของหลักสูตร สำเร็จในรุ่นแรก จำนวน 74 ราย”
เจ้าหน้าที่ขององค์กรภาคประชาสังคมที่ได้รับใบประกาศนียบัตร รุ่นที่ 1 จำนวน 74 คน ในรอบนี้ เป็นเจ้าหน้าที่ขององค์กรภาคประชาสังคม 5 องค์กร ที่ดำเนินงานด้านเอชไอวีใน 13 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ เชียงใหม่ เชียงราย ชลบุรี นครปฐม นครสวรรค์ พิษณุโลก ระยอง สงขลา และอุบลราชธานี ที่มีอัตราความชุกการติดเชื้อเอชไอวีสูงและเป็นพื้นที่เป้าหมายของการยุติเอดส์ของประเทศไทย และใน 13 จังหวัดนี้มีจำนวนกลุ่มเป้าหมายที่คาดประมาณเพื่อดำเนินการสนับสนุนให้เข้าถึงบริการตรวจและป้องกันการติดเชื้อในปี 2564 เป็นจำนวน 61,292 ราย ทั้งนี้จากการประเมินเพื่อรับรองสมรรถนะภายใต้โครงการฯ พบว่าผู้ที่ผ่านเกณฑ์การประเมินสมรรถนะ 1 คน จะสามารถให้บริการปรึกษาเพื่อตรวจเอชไอวีได้อย่างน้อย 7 รายต่อวัน หรือประมาณ 840 คนต่อปี และสามารถให้บริการเพร็พรายใหม่ได้อย่างน้อย 2 รายต่อวัน หรือ 480 รายต่อปี ดังนั้นสำหรับอาสาสมัครองค์กรภาคประชาสังคมที่ได้รับใบประกาศนียบัตรในรอบนี้ จำนวน 74 คน จะสามารถจัดบริการให้การปรึกษาเพื่อตรวจเอชไอวีได้ถึง 62,160 รายต่อปี และให้บริการเพร็พรายใหม่ได้ถึง 27,840 รายต่อปี ซึ่งครอบคลุมจำนวนเป้าหมายที่คาดประมาณไว้ของปี 2564 สำหรับ 13 จังหวัดนี้
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เข้ารับการอบรมจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากกรมควบคุมโรคในการจัดทำระบบการขึ้นทะเบียนอาสาสมัครองค์กรภาคประชาสังคมของกระทรวงสาธารณสุข หรือการสอบเทียบโอนให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามระเบียบกระทรวงที่ออกประกาศ เร่งช่วยรัฐในการจัดบริการเพื่อยุติเอดส์ได้ตามเป้าหมาย พร้อมทั้งสามารถรับการสนับสนุนค่าตอบแทนบริการตามหลักเกณฑ์ของสปสช.ได้