ธุรกิจชานมไข่มุกเข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมายในทุกช่วงวัย ตั้งแต่เด็กไปจนผู้สูงอายุต่างก็นิยมชมชอบเครื่องดื่มชนิดนี้ที่มีการผสมส่วนประกอบต่าง ๆ โดยเฉพาะเมื่อเพิ่มลูกเล่นใหม่มากมาย เช่น เพิ่มชีส ช็อคโกแลต หรือบราวน์ชูก้า ที่กำลังมาแรง ก็ยิ่งเสริมเทรนด์เครื่องดื่มให้เป็นที่ติดอกติดใจมากขึ้น การดื่มชานมไข่มุกมากเกินปริมาณที่แนะนำต่อวันอย่างต่อเนื่อง ส่งผลเสียต่อสุขภาพของทุก ๆ วัย วัยที่น่าเป็นกังวลที่สุด คือ วัยเด็ก การบริโภคชานมไข่มุกมีภัยต่อสุขภาพมากกว่าเรื่องน้ำหนักเกิน เพราะเด็กอาจมีพฤติกรรมติดหวาน ส่วนผสมแฝงทั้งปริมาณน้ำตาลสูง และอาจมีสารกันบูด เป็นภัยต่อสุขภาพและอาจสร้างปัญหาขาดสารอาหารได้
การได้รับปริมาณน้ำตาลเกินต่อวันเป็นประจำ ส่งผลให้เด็กติดหวาน ทำให้เสี่ยงต่อภาวะดื้อต่ออินซูลิน ส่งผลให้ระบบเผาผลาญมีปัญหาตั้งแต่อายุยังน้อย มีโอกาสเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคไขมันในเลือดผิดปกติ รวมถึงโรคหลอดเลือดหัวใจ เป็นภัยเงียบที่อาจจะรู้ตัวเมื่อสายเกินไป สาเหตุของโรคมาจากพฤติกรรมชอบทานอาหารรสหวาน มัน เค็ม เกินมาตรฐาน ยังไม่นับสารปนเปื้อนอื่น ๆ ที่ผู้บริโภคไม่มีทางรู้ว่าชานมไข่มุกแต่ละยี่ห้อนั้น มีส่วนผสมของอะไรบ้าง
จากการสำรวจของกรมอนามัย และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พบว่า คนไทยบริโภคน้ำตาลมากถึงวันละ 20 ช้อนชา เกินกว่าปริมาณที่องค์การอนามัยโลกแนะนำถึง 3 เท่า ในขณะที่สถิติผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคอ้วนก็พุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเด็กที่ชอบเครื่องดื่มรสหวาน ทำให้เด็กไทยจำนวนมากในยุคนี้มีภาวะน้ำหนักเกิน รวมถึงกลายเป็นเด็กอ้วนเพิ่มขึ้น และพบว่าเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ป่วยเป็นโรคเบาหวานเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ข้อมูลกลางปี 2562 จากศูนย์ทดสอบฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อบริโภค เผยผลตรวจวิเคราะห์สารกันบูด น้ำตาล และโลหะหนักในชานมไข่มุก 25 ยี่ห้อ พบตัวอย่างเม็ดไข่มุกมีสารกันบูด 100% แต่ไม่เกินค่ามาตรฐาน และยังพบว่า ส่วนใหญ่มีปริมาณน้ำตาลมากกว่าที่องค์การอนามัยโลกแนะนำต่อวัน บางยี่ห้อมีน้ำตาลสูงถึง 18 ช้อนชา ทั้ง ๆ ที่ร่างกายไม่จำเป็นต้องได้รับพลังงานเพิ่มจากน้ำตาลที่เติมเสริมแต่งเข้าไปในอาหารเลย
องค์การอนามัยโลกแนะนำว่า ไม่ควรได้รับพลังงานจากน้ำตาลเกินร้อยละ 10 ของพลังงานที่แนะนำต่อวัน และการได้รับน้ำตาลน้อยกว่าร้อยละ 5 ของพลังงานที่แนะนำต่อวัน จะส่งผลดีต่อสุขภาพยิ่งขึ้น เพื่อให้เข้าใจได้ง่าย ๆ จึงแนะนำว่า คนทั่วไปควรได้รับน้ำตาลไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา (คำนวณจากความต้องการพลังงานวันละ 2000 กิโลแคลอรี) หากเป็นไปได้ การไม่เติมน้ำตาลเพิ่มลงไปในอาหารเลย หรือลดปริมาณน้ำตาลต่อวันให้น้อยที่สุดจะดีต่อสุขภาพ และไม่แนะนำการเติมน้ำตาลหรือสารให้ความหวานแทนน้ำตาลในอาหารสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี น้ำตาลในชานมไข่มุกยังก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพในช่องปากอีกด้วย เด็กอาจจะแปรงฟันยังไม่ค่อยดีพอ น้ำตาลในอาหารและเครื่องดื่มรสหวาน อาจส่งผลให้เกิดปัญหาฟันผุและสุขภาพช่องปาก ดังนั้นผู้ปกครองควรดูแลและควบคุมการรับประทานอาหารหวาน มีน้ำตาลสูงตั้งแต่เด็ก จะดีกว่าการแก้ไขตอนโตแล้ว เพราะแก้ไขยาก
นอกจากนี้ ในชาไข่มุกยังมีสารคาเฟอีนจากชา ซึ่งส่งผลต่อสมาธิการเรียนรู้และอารมณ์ของเด็ก ทำให้เด็กตื่นตัว นอนไม่หลับในเวลากลางคืน ส่งผลต่อสมาธิการเรียนรู้ในตอนกลางวันที่ต้องจดจ่อกับการเรียน นอกจากนี้ เด็กอาจติดคาเฟอีนได้หากดื่มชาในปริมาณมากเป็นประจำ และเมื่อหยุดดื่มจะทำให้เกิดภาวะขาดคาเฟอีน เกิดผลข้างเคียง เช่น ปวดศีรษะ มีปัญหาเรื่องอารมณ์ เช่น หงุดหงิดฉุนเฉียว หรือมีอาการซึมเศร้า ไม่สามารถจดจ่อมีสมาธิได้ อีกทั้งคาเฟอีนยังเพิ่มการขับแคลเซียมออกมาทางปัสสาวะมากขึ้น หากไม่ได้รับแคลเซียมจากอาหารอื่น ๆ อย่างเพียงพอ จะส่งผลต่อการสร้างกระดูกของเด็กได้ และหากยังติดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนไปจนกระทั่งโตเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ก็จะทำให้กระดูกพรุนเร็วขึ้น นอกจากนี้ คาเฟอีนและแทนนินที่พบในชา ยังส่งผลทำให้เด็กเกิดอาการท้องผูกได้ด้วย โดยเฉพาะหากได้รับใยอาหารจากผักผลไม้น้อย และดื่มน้ำไม่เพียงพอ ยิ่งไปกว่านั้นอาหารและเครื่องดื่มที่มีความหวานสูงอาจทำให้เด็กอ้วนแต่ขาดสารอาหารอื่นที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต น้ำตาลที่อยู่ในชานมไข่มุกรสหวานจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งขึ้นสูงเร็ว แต่หลังจากนั้นน้ำตาลในเลือดก็จะลดลงอย่างรวดเร็วด้วย ทำให้เด็กรู้สึกโหยหาขนมหวานหรือเครื่องดื่มรสหวาน เพื่อเติมเต็มน้ำตาลในเลือดให้สูงอยู่ในระดับเดิมอยู่เรื่อย ๆ จึงเสี่ยงที่จะกลายเป็นเด็กอ้วนแต่ขาดสารอาหารที่มีประโยชน์ประเภทอื่นได้ หากเลือกรับประทานแต่ขนมหวานหรือเครื่องดื่มรสหวานแทนที่จะรับประทานอาหารที่มีประโยชน์อื่น ๆ เช่น ข้าวกล้อง ธัญพืช ผัก ผลไม้ร่วมด้วย
เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพ ผู้ปกครองควรกำกับปริมาณการรับประทานชานมไข่มุกของเด็ก เช่น การจำกัดปริมาณให้ดื่มน้อยลง หรือปรับเปลี่ยนวัตถุดิบ โดยอาจเปลี่ยนจากชาเป็นน้ำผลไม้รสไม่หวานแทน เลือกสั่งเครื่องดื่มแบบหวานน้อย ใช้นมไขมันต่ำหรือพร่องมันเนย เลือกไข่มุกที่ทำจากแป้งบุกแทนแป้งสาคู ใช้หญ้าหวานแทนน้ำตาล การป้องกันปัญหานี้เริ่มต้นที่ผู้ปกครอง เพราะผู้ใหญ่มีผลต่อพฤติกรรมการบริโภคของเด็ก ผู้ปกครองอาจจะดื่มให้เด็กเห็น ทำให้เด็กอยากเลียนแบบและขอชิม จึงควรเลิกสร้างพฤติกรรมบริโภคที่ทำให้เด็กเลียนแบบ ไม่ใช่เฉพาะชานมไข่มุก แต่รวมถึงอาหารที่เสี่ยงต่อสุขภาพทั้งหลายด้วย
ที่มา : www.chula.ac.th