ญาติ อีกหนึ่งบทบาทสำคัญของการบริจาคอวัยวะ

“ญาติ” อีกหนึ่งบทบาทสำคัญของการบริจาคอวัยวะ เรื่องการบริจาคอวัยวะไม่ได้ขึ้นอยู่กับผู้แสดงความจำนงบริจาคเพียงคนเดียว แต่ญาติมีส่วนช่วยให้การสร้างกุศลที่ยิ่งใหญ่นี้เกิดขึ้นจริงได้ ด้วยการติดต่อแจ้งทางศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย โทร. 1666 และเซ็นยินยอมบริจาค ในวันที่ผู้บริจาคไม่ตอบสนองต่อการรักษา และถูกวินิจฉัยว่าเสียชีวิตด้วยภาวะสมองตาย เพื่อเป็นการทำคุณประโยชน์ และสร้างบุญกุศลครั้งสุดท้ายในชีวิตให้กับผู้บริจาคอวัยวะ หรือคนที่เรารัก ร่วมแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะ ออนไลน์ได้ที่ https://www.organdonate.in.th ร่วมแสดงความจำนงบริจาคดวงตา ออนไลน์ได้ที่ https://ebis.redcross.or.th/Register.aspx

การบริจาคดวงตา

::::: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการบริจาคดวงตา ::::: ถาม · ดวงตาที่ได้สามารถนำไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง ตอบ · ดวงตาที่จัดเก็บ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ ดังนี้ 1. ส่วนกระจกตา (Cornea) ใช้ผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาให้แก่ผู้ป่วยกระจกตาพิการ เพื่อ – เปลี่ยนกระจกตาที่ขุ่นให้ใส – เปลี่ยนกระจกตาที่ไม่เรียบให้เรียบ – รักษารูปร่างและรูปทรง ของกระจกตา – รักษาโรคกระจกตาติดเชื้อที่ควบคุมด้วยยาไม่ได้ จักษุแพทย์ที่ผ่าตัดอาจจะใช้กระจกตาทั้งชั้นความหนาเปลี่ยนให้แก่ผู้ป่วย หรือ แบ่งชั้นกระจกตาเพื่อผ่าตัดซ่อมแซมเฉพาะส่วนที่พิการ จะเห็นว่าดวงตาที่เราบริจาคนั้นสามารถนำไปใช้ช่วยผู้ป่วยได้อย่างน้อนที่สุด 2คน 2.ส่วนตาขาว (Sclera) ใช้ผ่าตัดตกแต่งเสริมเบ้าตาในผู้ป่วยที่ใส่ตาปลอม 3.ส่วนเนื้อเยื่อที่อยู่ระหว่างกระจกตากับตาขาว (Limbal Tissue) เนื้อเยื่อบริเวณนี้มีสเตมเซลล์ หรือเซลล์แม่ของเซลล์ผิวกระจกตาที่สามารถนำไปเพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการ เพื่อนำมารักษาปลูกถ่ายให้กับผู้ป่วยที่มีผังผืดที่ผิวกระจกตา ถาม · สายตาสั้นและเอียงมาก บริจาคดวงตาได้หรือไม่ ตอบ – ได้ ทุกๆคนสามารถบริจาคดวงตาได้ถึงแม้จะมีปัญหาสายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง ถ้ากระจกตายังใสเป็นปกติ ก็สามารถบริจาคดวงตาได้ทั้งสิ้น แต่ถ้าได้รับการผ่าตัดแก้ไขสายตาด้วยเลเซอร์ เช่น Lasik ,…

Work-Life Balance ปรับสมดุลชีวิตทำงาน

Work-life Balance คือ แนวคิดเกี่ยวกับการปรับสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว เพื่อลดผลกระทบจากการทำงานหนักเกินไป ซึ่งมีประโยชน์สำหรับคนยุคใหม่ ทั้งที่ทำงานประจำและอาชีพอิสระ ประโยชน์ ช่วยให้มีความสุขกับชีวิตมากขึ้นเนื่องจากการทำงานหนักอย่างต่อเนื่องอาจสร้างผลกระทบในหลาย ๆ ด้าน สุขภาพกายและสุขภาพจิตดีขึ้น มีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างที่มีคุณภาพมากขึ้น วิธีการสร้าง Work-Life Balance ตั้งเป้าหมายการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในแต่ละวันควรตั้งเป้าหมายและจัดรายการลำดับการทำงานในแต่ละวันเพื่อการจัดการเวลาได้ดีขึ้น เคารพเวลาพักผ่อนของตนเองเมื่อถึงเวลาพักผ่อนควรหยุดคิดถึงเรื่องงาน ไม่นำงานกลับมาทำที่บ้านปิดโทรศัพท์มือถือ ใช้เวลาพักผ่อนเพื่อเป็นรางวัลให้กับความอดทนและตั้งใจของตนเองในแต่ละวัน เรียนรู้ที่จะปฏิเสธและต่อรองการขอความช่วยเหลือจากหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานเพื่อแบ่งเบาภาระงานเพื่อช่วยให้จดจ่อกับงานและผลิตงานที่มีคุณภาพได้มากขึ้น ใช้เวลากับคนรอบตัวให้มากขึ้นการแบ่งเวลาให้กับคนรอบตัวหรือคนในครอบครัวจะส่งผลดีต่อความสัมพันธ์ และช่วยบรรเทาความเครียดหรือความทุกข์ภายในจิตใจ จึงไม่ควรละเลยคนรอบตัวที่ควรให้ความสำคัญ ใส่ใจกับตนเองมากขึ้นควรแบ่งเวลาเพื่อดูแลสุขภาพตนเอง เช่น ออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ ทำกิจกรรมที่ชอบเพื่อผ่อนคลายความเครียด จะช่วยให้ร่างกายและจิตใจแข็งแรงพร้อมสำหรับการทำงานและการใช้ชีวิต ที่มา : อ. นพ.ชาวิท ตันวีระชัยสกุล ข้อมูล ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ที่มา : อ. นพ.ชาวิท ตันวีระชัยสกุล ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ Work-Life Balance ปรับสมดุลชีวิตทำงาน

ทำอย่างไรดี เมื่อมีค่า PM 2.5 สูง

  ตรวจเช็กค่า P.M 25 ผ่านแอปพลิเคชันทุกครั้ง ก่อนออกจากบ้าน หากดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) มากกว่า 100 ให้ระวังผลกระทบกับสุขภาพ งดออกกำลังกายกลางแจ้ง เช่น ห้ามวิ่งหรือ ออกกำลังกายในสวนสาธารณะ ในวันที PM 2.5 อยู่ในระดับสูง สวมหน้ากาก N95 ขณะออกจากบ้าน หน้ากาก N95 ที่ดี ควรได้รับการรับรองมาตรฐานจาก หน่วยงาน เช่น NIOSH กลุ่มที่มีความเสี่ยงเป็นพิเศษควรระมัดระวังมากขึ้น ได้แก่ ผู้ป่วยโรคหอบหืด โรคภูมิแพ้ โรคหัวใจ หรือ โรคปอด กลุ่มเด็กเล็กและผู้สูงอายุ ขณะอยู่ภายในอาคาร การเปิดครื่องฟอกอากาศ เพื่อลด PM 2.5 ช่วยได้ แต่ไม่แนะนำเครื่องฟอกอากาศ ประเภทผลิตก๊าซโอโซน (ozone air purifiers) ภายในห้องอาคารเพราะอาจทำให้อาการโรคหืดกำเริบได้ ในช่วงเทศกาลตรุษจีน งดเผากระดาษเงิน กระดาษทองในที่โล่ง งดจุดธูปสั้นในบ้านเพราะยิ่งจะทำให้ค่าปริมาณ PM 2.5 มีปริมาณขึ้นสูง ข้อมูล ณ วันที่ 24 มกราคม 2563 ที่มา…

รู้จัก วัณโรค

วัณโรค เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อมัยโครแบคทีเรียม ทูเบอร์คูโลซิส (Mycobacterium tuberculosis) ซึ่งติดต่อกันได้ทางการหายใจเอาเชื้อวัณโรคเข้าไป จากการพูด จาม ไอ ของผู้ป่วยวัณโรค ซึ่งวัณโรคสามารถเป็นได้ทุกอวัยวะของร่างกาย แต่ที่พบบ่อยคือ “วัณโรคปอด” อาการของวัณโรคปอด มีดังนี้ ไอติดต่อกันเกิน 2 สัปดาห์ ไอมีเลือดปน ไข้เรื้อรัง เหงื่อออกมากตอนกลางคืน น้ำหนักลด การรักษา สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยา การป้องกัน การป้องกันตนให้ห่างไกลจากวัณโรค คือ รักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อให้ภูมิต้านทานแข็งแรงต่อสู้กับเชื้อได้ หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วยวัณโรค ผู้ที่มีอาการไอ ควรสวมใส่หน้ากากอนามัย หากมีอาการผิดปกติควรรีบปรึกษาแพทย์ หรือใกล้ชิดกับผู้ป่วยวัณโรค ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม

ผลกระทบของพฤติกรรมต่อ “สุขภาพเพศ”

ผลกระทบของพฤติกรรมต่อ “สุขภาพเพศ” ปัจจุบันเรื่องเพศได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น การทำความรู้จักกับเรื่องเพศนั้น สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ สุขภาพเพศ (Sexual Health) เพื่อที่ทุกท่านจะได้ดูแลสุขภาพเพศของตนเองได้ดีขึ้น โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ให้คำนิยามของ “สุขภาพเพศ” คือ สุขภาวะทางกาย อารมณ์ จิตใจและสังคมเกี่ยวกับเรื่องเพศ ซึ่งมิได้หมายถึงเพียงการไม่มีโรคหรือไม่เสื่อมสมรรถภาพทางเพศเท่านั้น การมีสุขภาพเพศที่ดีจะเกิดขึ้นเมื่อสิทธิทางเพศของมนุษย์ทุกคนได้รับการเคารพ การคุ้มครองและเติมเต็ม แต่ท่านจะทราบได้อย่างไรว่าท่านมีสุขภาพเพศที่ดีหรือไม่ การวัดสุขภาพเพศนั้นทำได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากไม่มีเกณฑ์มาตรฐานในการชั่งตวงวัด ไม่เหมือนการวัดความสามารถในการเจริญพันธุ์หรือวัดระดับฮอร์โมนในร่างกายซึ่งทำได้ง่ายกว่า อีกทั้งคำว่า“สุขภาพเพศ” ยังมีความแตกต่างไปตามบริบทของแต่ละสังคม ดังนั้นในแต่ละสังคม จึงต้องการเครื่องมือในการวัดที่จำเพาะกับแต่ละวัฒนธรรม นอกจากนี้แล้วปัจจัยทางพฤติกรรมก็มีผลต่อสุขภาพเพศด้วย ดังตัวอย่างต่อไปนี้ ความอ้วน (Obesity) ความอ้วนมีความสัมพันธ์ชัดเจนกับการลดลงของความสามารถในการมีบุตรของสตรี สตรีที่มีน้ำหนักตัวมากจะเพิ่มความเสี่ยงของการมีประจำเดือนไม่ปกติ การแท้งบุตร และความพึงพอใจขณะมีเพศสัมพันธ์ลดลง จากการศึกษาพบว่าสตรีที่มีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) >25kg/m2 หรือมีน้ำหนักตัวขณะตั้งครรภ์มากกว่า 80 กิโลกรัม ใช้เวลามากกว่าคนปกติ 2 เท่า เพื่อที่จะตั้งครรภ์ได้สำเร็จ ผู้ชายอ้วนก็มีปัญหาสุขภาพเพศด้วย กล่าวคือจะไม่พบอสุจิหรือมีอสุจิน้อยกว่าคนทั่วไป มีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนน้อยกว่าคนทั่วไป ความอ้วนจะเพิ่มความเสี่ยงของ Metabolic Syndrome ซึ่งส่งผลต่อการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ เพิ่มความเสี่ยงการมีไขมันในโลหิตสูง อันจะส่งผลเสียต่อรูปร่างของอสุจิรวมถึงทำให้อุณหภูมิของถุงอัณฑะสูงเกินกว่าจุดที่เหมาะสมของการสร้างอสุจิ…

สมาร์ทโฟนซินโดรม

เนื่องจากสังคมปัจจุบันคนนิยมใช้สมาร์ทโฟนมากขึ้น ตั้งแต่เด็กเล็ก วัยรุ่น คนทำงานหนุ่มสาว หรือผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ ทุกวันจะมีการใช้สมาร์ทโฟนมากขึ้น จึงพบมีโรคสมาร์ทโฟนซินโดรมเกิดขึ้น เนื่องจากการใช้สมาร์ทโฟนมากเกินไป จนส่งผลเสียต่อสุขภาพ อาการที่พบบ่อย ผู้ป่วยที่เข้ามารับการรักษากับทางฝ่ายเวชศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยจะมีลักษณะอาการปวดที่เกิดจากการใช้ท่าทางที่ไม่ถูกต้อง ส่วนใหญ่หมอสังเกตเห็น คือ คนส่วนใหญ่จะอยู่ในท่าก้มหรือบางคนก้มมากจนจอแทบติดหน้า การก้มแบบนี้ทำให้กระดูกต้นคอรับแรงกดมากขึ้น ถ้าศีรษะตั้งตรง 0% จะเห็นว่าแรงกดที่ต้นคอน้อยมาก ประมาณ 4-5 กิโลกรัม แต่ถ้าเราก้มมากขึ้นประมาณ 10-15 องศา แรงกดที่ต้นคอจะเพิ่มมากขึ้นประมาณ 4-5 กิโลกรัม และถ้าก้มมากขึ้นถึง 30 องศา แรงกดอาจมากถึง 25 กิโลกรัม แต่ถ้าก้มมากถึง 45 องศา แรงกดจะมากได้ถึง 20 กิโลกรัม ถ้ายิ่งโก้งโค้งทั้งคอและบ่า จะพบว่าแรงกดมีมากถึง 30 กิโลกรัม การที่เราอยู่ในท่านี้นาน ๆ ทำให้กระดูกต้นคอทำงานเยอะ รวมทั้งกล้ามเนื้อที่อยู่รอบต้นคอและบ่า ต้องทำงานตลอดเวลา มีอาการเมื่อยล้า ทำให้เราไม่สามารถทำงานต่อได้ นอกจากนี้การใช้สมาร์ทโฟนไม่ใช่แค่ก้มอย่างเดียว ยังจะมีใช้มือกดหรือยกขึ้นมา…

โรคกระดูกพรุน

โรคกระดูกพรุน คือ โรคที่ความหนาแน่นของเนื้อกระดูกลดน้อยลงเรื่อย ๆ รวมทั้งมีการเปลี่ยนแปลงในลักษณะโครงสร้างของกระดูกซึ่งมีผลให้กระดูกบางและเปราะ ไม่สามารถรับน้ำหนักหรือแรงกดดันได้ตามปกติ ทำให้เกิดความเสี่ยงกระดูกหักได้ง่าย ภาวะที่เนื้อกระดูกลดลงประมาณร้อยละ 30 เป็นภาวะที่เรียกว่า “โรคกระดูกพรุน” มักพบในวัยผู้สูงอายุ จากสถิติพบว่าผู้หญิงเมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนร้อยละ 30 มีภาวะโรคกระดูกพรุน พบโรคกระดูกพรุนร้อยละ 45 ในผู้หญิงอายุมากกว่า 60 ปี และร้อยละ 35 ของผู้ชายจะเป็นโรคนี้เมื่อายุ 75 ปี กระดูกประกอบด้วยโปรตีนที่เป็นเส้นใยคอลลาเจนและมีแคลเซียมมาตกผลึกจับตัวกับคอลลาเจนกลายเป็นของแข็งที่สามารถรับน้ำหนัก รับแรงกดกระแทก และมีความยืดหยุ่นในตัวเอง การสร้างกระดูกที่ดีจำเป็นต้องได้รับแคลเซียมและสารอาหารที่เหมาะสม โดยแคลเซียมทำให้กระดูกแข็ง ส่วนโปรตีนในกระดูกโดยเฉพาะคอลลาเจนและโปรตีนอื่น ๆ จะให้กระดูกมีความเหนียวและยืดหยุ่น ในแต่ละวัยร่างกายสามารถสะสมปริมาณแคลเซียมในมวลกระดูกในระดับที่แตกต่างกัน และมวลกระดูกจะถึงจุดสูงสุดในช่วงอายุ 25-30 ปี หลังจากนั้นมวลกระดูกจะค่อย ๆ ลดลงประมาณร้อยละ 0.5-1 ต่อปี ในช่วงหมดประจำเดือนมวลกระดูกจะลดลงอย่างรวดเร็ว อาจลดลงเร็วถึงร้อยละ 3-5 ต่อปี ทำให้เกิดภาวะกระดูกพรุนอย่างรวดเร็ว ดังนั้น เพศหญิงจึงมักมีโอกาสเกิดกระดูกพรุนมากกว่าเพศชาย ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เสียมวลกระดูกอย่างรวดเร็ว ได้แก่ การได้รับสารอาหารโดยเฉพาะแคลเซียมไม่เพียงพอ กรรมพันธุ์ การหมดประจำเดือน การสูบบุหรี่…