การประชุมผู้นำกาชาดและเสี้ยววงเดือนแดงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ 22 

นายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย พร้อมคณะผู้แทน เข้าร่วมการประชุมผู้นำกาชาดและเสี้ยววงเดือนแดงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ 22 ระหว่างวันที่ 22–24 กันยายน 2568 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ สหพันธรัฐมาเลเซีย ซึ่งจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านมนุษยธรรมของหน่วยงานในขบวนการกาชาดในภูมิภาค รวมถึงสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) โดยมีหัวข้อสำคัญในการประชุม ได้แก่ การเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติ การส่งเสริมสุขภาวะของชุมชน การระดมทรัพยากรอย่างยั่งยืน และการส่งเสริมบทบาทของเยาวชน ในโอกาสนี้ สภากาชาดไทยได้นำเสนอโครงการกาชาดสีเขียว (Green Red Cross Project) ซึ่งดำเนินงานตามเป้าหมายของสภากาชาดไทยที่ได้ประกาศไว้ในกฎบัตรสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมสำหรับองค์กรด้านมนุษยธรรม (Climate and Environment Charter for Humanitarian Organizations) โดยเป็นหนึ่งในประเด็นที่ได้รับความสนใจจากสภากาชาดและเสี้ยววงเดือนแดงในภูมิภาค นอกจากนี้ คณะผู้แทนสภากาชาดไทยยังได้เข้าร่วมเวทีเสวนาด้านมนุษยธรรม (Humanitarian Forum) เพื่อหารือเกี่ยวกับอนาคตของการดำเนินงานด้านมนุษยธรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงการเสริมสร้างความร่วมมือในระดับภูมิภาค โดยเฉพาะด้านการพัฒนากฎหมายภัยพิบัติ และการส่งเสริมการปฏิบัติตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ

สภากาชาดไทยส่งมอบน้ำใจจากผู้มีจิตศรัทธาไปยังกำลังพลที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ในสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา

นายขรรค์ ประจวบเหมาะ ผู้อำนวยการสำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย พร้อมด้วย นางจันทร์ประภา วิชิตชลชัย รองผู้อำนวยการสำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย มอบเงินจากผู้มีจิตศรัทธาบริจาคผ่านสภากาชาดไทย จำนวน 1,500,000 บาท เพื่อช่วยเหลือกำลังพลที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ในสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมี พลเอก ณัฐวุฒิ นาคะนคร รองผู้บัญชาการกองทัพบก ร่วมด้วย พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 รับมอบ ณ กองบัญชาการกองทัพบก สภากาชาดไทยองค์กรสาธารณกุศลของประเทศเคียงข้างช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทุกสถานการณ์

หัวหน้าคณะผู้แทนสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศเข้าเยี่ยมคารวะเลขาธิการสภากาชาดไทย

วันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2568  นายอัลคาน ราฮิมมอฟ หัวหน้าคณะผู้แทนกลุ่มประเทศไทย กัมพูชา ลาว และเวียดนาม  สหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ (IFRC) เข้าเยี่ยมคารวะนายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย และ ดร.อภิชาติ ชินวรรโณ ผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทย ฝ่ายการต่างประเทศ ณ อาคารเทิดพระเกียรติฯ สภากาชาดไทย ในโอกาสที่เข้ารับตำแหน่งใหม่  โดยได้มีการหารือถึงความร่วมมือด้านมนุษยธรรมกับสภากาชาดไทย  รวมทั้งความร่วมมือกับเครือข่ายสภากาชาด และสภาเสี้ยววงเดือนแดงประเทศอื่นๆ รวมทั้งองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ นายอัลคาน ราฮิมมอฟ มีประสบการณ์การทำงานกับขบวนการกาชาดในยุโรปและเอเชียกลางมาตั้งแต่ปี 2542  เคยดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาเสี้ยววงเดือนแดงอาเซอร์ไบจาน ทั้งนี้ก่อนมารับตำแหน่งที่ประเทศไทย นายอัลคานดำรงตำแหน่ง หัวหน้าคณะผู้แทนกลุ่มประเทศอินโดนีเซีย บรูไนดารุสซาลาม สิงคโปร์ และติมอร์เลสเต ของ IFRC ในโอกาสดังกล่าว เลขาธิการสภากาชาดไทย ได้ส่งมอบเงินบริจาคจากประชาชนในประเทศไทย เพิ่มเติมเป็นครั้งที่สอง จำนวน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3.3 ล้านบาท ให้กับการระดมทุนฉุกเฉินของ IFRC เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุแผ่นดินไหวในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา…

สภากาชาดไทย จับมือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางการวิจัยและพัฒนา เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของประเทศด้านการพัฒนาวัคซีนและยาชีววัตถุ

สภากาชาดไทย และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางการวิจัยและพัฒนา เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของประเทศด้านการพัฒนาวัคซีนและยาชีววัตถุ ความร่วมมือครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อบูรณาการองค์ความรู้และศักยภาพของทั้งสองสถาบัน สู่การสร้างนวัตกรรมทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานสากล และสามารถเข้าถึงได้จริงสำหรับประชาชนไทย พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2568 ณ ห้อง 202 อาคารจามจุรี 4 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมี นายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย และ คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม เหรัญญิกสภากาชาดไทย ร่วมกับ ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ศ.ภญ.ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์ รองอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมด้วยสักขีพยานจากทั้งสององค์กร อาทิ คณะผู้บริหารสภากาชาดไทย ตัวแทนคณะต่าง ๆ และนักวิจัยหลายสาขาที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาความร่วมมือครั้งนี้ โดยความร่วมมือครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อบูรณาการองค์ความรู้และศักยภาพของทั้งสองสถาบัน สู่การสร้างนวัตกรรมทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานสากล และสามารถเข้าถึงได้จริงสำหรับประชาชนไทย และนับเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาความมั่นคงทางยาและระบบสาธารณสุขของประเทศ โดยจะช่วยผลักดันงานวิจัยไทยสู่การใช้ประโยชน์เชิงปฏิบัติ ตอบสนองต่อความท้าทายด้านโรคอุบัติใหม่ โรคเรื้อรัง และความต้องการด้านการรักษาพยาบาลในอนาคต อันจะนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตและความปลอดภัยด้านสุขภาพของประชาชน

สภากาชาดไทย ร่วมมือกับ กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีระบุตัวตนของบุคคลที่ไม่มีเอกสารประจำตัวในประเทศไทย เพื่อการสาธารณสุขและช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม

เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2568 นายกฤษฎา บุญราช ผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทย และผู้อำนวยการสำนักงานบริหารกิจการเหล่ากาชาด สภากาชาดไทย ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีระบุตัวตนของบุคคลที่ไม่มีเอกสารประจำตัวในประเทศไทย เพื่อการสาธารณสุขและช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ระหว่าง สภากาชาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ณ ห้องประชุมชัยนาทนเรนทร อาคาร 1 ชั้น 2 ตึกสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ๒รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน พิธีลงนามจัดขึ้น โดยมีนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และศาสตราจารย์ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการนำเทคโนโลยีพิสูจน์อัตลักษณ์เพื่อยืนยันตัวตน “Thai Red Cross Biometric Authentication System (TRCBAS)” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการจดจำลายม่านตา (Iris Recognition) และการจดจำใบหน้า (Face Recognition) เพื่อเก็บข้อมูลชีวมิติ ของบุคคลที่ไม่มีเอกสารระบุตัวตนที่อาศัยในประเทศไทย ซึ่งเมื่อเกิดการเจ็บป่วย ต้องเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการเฝ้าระวัง ควบคุม ป้องกันโรค…

คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) เข้าเยี่ยมชมศาลาราชการุณย์ พิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สภานายิกาสภากาชาดไทย

คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team: IOT – Thailand) ประกอบไปด้วย ผู้ช่วยทูตทหาร จาก 8 ประเทศสมาชิกอาเซียนได้แก่ บรูไน , มาเลเซีย , ลาว , อินโดนีเซีย , เมียนมา , ฟิลิปปินส์ , สิงคโปร์ และเวียดนาม รวม 14 นาย โดยมี พลตรี ซัมซุล ริซัล บิน มูซา ผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำประเทศไทย เป็นหัวหน้าคณะ และ พลตรี กรรณ บุญชัย รองเจ้ากรมข่าวทหาร (หัวหน้าคณะฝ่ายไทย) ร่วมเยี่ยมชมศาลาราชการุณย์ พิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สภานายิกาสภากาชาดไทย ซึ่งภายในจัดแสดงนิทรรศการเพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ของ #สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง #สภานายิกาสภากาชาดไทย และเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ผ่าน…

สัตว์เลี้ยงบำบัด: เพื่อนคู่ใจที่ช่วยเยียวยาทั้งร่างกายและจิตใจ

คุณรู้หรือไม่ว่า… “สัตว์เลี้ยงบำบัด” หรือที่หลายคนเรียกว่า Therapy Animals กำลังกลายเป็นหนึ่งในทางเลือกเสริมในการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ที่ไม่เพียงช่วยบรรเทาความเครียดทางจิตใจ แต่ยังส่งผลดี  ต่อสุขภาพร่างกายอย่างชัดเจนอีกด้วย ปัจจุบัน หลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ได้เริ่มนำสัตว์บำบัดมาใช้ร่วมกับการรักษา          ในโรงพยาบาล สถานดูแลผู้สูงอายุ หรือศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ เพื่อช่วยส่งเสริมสุขภาวะที่ดีทั้งในด้านร่างกายและจิตใจของผู้ป่วย งานวิจัยพบว่า สัตว์บำบัดช่วยลดความเครียดและภาวะวิตกกังวลได้จริง จากงานวิจัยเรื่อง “Psychiatric Assistance Dog Use for People Living With Mental Health Disorders” ที่ศึกษาในประเทศออสเตรเลีย โดยเก็บข้อมูลจากกลุ่มผู้ป่วยปัญหาสุขภาพจิต 200 คน ได้แก่ ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล และภาวะเครียดจากเหตุการณ์สะเทือนใจ (PTSD) พบว่า มากถึง 94% ของผู้เข้าร่วมการศึกษารายงานว่าความเครียดและความวิตกกังวลลดลง เมื่อได้มีปฏิสัมพันธ์กับสุนัขบำบัด แสดงให้เห็นว่าสุนัขเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงเพื่อนคลายเหงา แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูสภาพจิตใจของผู้ป่วยอีกด้วย  สัตว์บำบัดช่วยเราอย่างไรบ้าง? 💕 เยียวยาจิตใจ งานวิจัยทางจิตวิทยาหลายชิ้นยืนยันว่า การมีสัตว์เลี้ยงอยู่ใกล้ชิดช่วยให้สุขภาพจิตดีขึ้น โดยส่งผล   ต่อระดับฮอร์โมนในร่างกาย เช่น…

รู้จักโรคงูสวัดก่อนสาย ป้องกันไว้ ใจสบายกว่า

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีแนวโน้มพบผู้ป่วยโรคงูสวัดในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ข้อมูลทั่วโลกพบว่าโรคนี้เกิดขึ้นประมาณ 3 – 5 คนต่อประชากร 1,000 คนต่อปี และในผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี ตัวเลขนี้อาจเพิ่มเป็น 7–12 คนต่อ 1,000 คนต่อปี นอกจากนี้ พบว่าผู้หญิงมีโอกาสเป็นงูสวัดมากกว่าผู้ชาย งูสวัด (Shingles) หรือในชื่อทางการแพทย์ว่า Herpes Zoster เป็นโรคที่เกิดจากไวรัส                    ชื่อ Varicella-Zoster ซึ่งเป็นไวรัสตัวเดียวกับที่ทำให้เราเป็นโรคอีสุกอีใสในวัยเด็ก แม้ว่าอีสุกอีใสจะหายแล้ว แต่ไวรัสนี้ยังคงแฝงตัวอยู่ในร่างกาย โดยไปซ่อนอยู่ในปมประสาท และเมื่อร่างกายอ่อนแอหรือภูมิคุ้มกันลดลง ไวรัสก็อาจกลับมาก่อโรคอีกครั้งในรูปแบบของ “งูสวัด” อาการ หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการเหล่านี้ อาจเป็นสัญญาณของโรคงูสวัด ควรสังเกตและรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการดูแลที่เหมาะสม ปวดแสบปวดร้อนก่อนผื่นขึ้น เริ่มต้นด้วยอาการปวดแสบ เสียวแปลบ หรือปวดลึกบริเวณผิวหนัง โดยมักเกิดขึ้นตามแนวเส้นประสาท และเกิดก่อนที่จะเห็นผื่นหรือตุ่มน้ำ มีผื่นหรือตุ่มน้ำใสเฉพาะด้านใดด้านหนึ่งของร่างกาย ตุ่มน้ำใสจะขึ้นเรียงตัวตามแนวเส้นประสาท เช่น บริเวณลำตัวหรือใบหน้า มักเกิดแค่ซีกใดซีกหนึ่ง ไม่ลามทั้งสองข้าง…

โรคจูบไม่ได้หวานอย่างที่คิด รู้ทันโรคติดเชื้อจากไวรัส EBV

หลายคนอาจมองว่า “จูบ” เป็นการแสดงความรัก ความใกล้ชิด หรือความผูกพันระหว่างคนสองคน แต่รู้หรือไม่ว่าเบื้องหลังความโรแมนติกนี้ อาจแฝงด้วยภัยเงียบที่ไม่ทันระวัง หนึ่งในโรคที่สามารถติดต่อผ่านการจูบได้คือ โรคจูบ (Kissing Disease) หรือชื่อทางการว่า โรคโมโนนิวคลิโอซิส (Infectious Mononucleosis: IM) โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัส เอปสไตน์-บาร์ (Epstein-Barr Virus: EBV) ซึ่งสามารถแพร่กระจายได้ง่ายผ่านสารคัดหลั่ง โดยเฉพาะ น้ำลาย การติดต่อมักเกิดจากการจูบ การไอ จาม หรือแม้แต่การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ติดเชื้อ แม้โรคจูบจะสามารถเกิดได้กับคนทุกเพศทุกวัย แต่กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงโดยเฉพาะคือ เด็กเล็ก เช่น ในกรณีที่พ่อแม่หรือผู้ใหญ่หอมแก้มเด็ก เด็กอาจได้รับเชื้อโดยไม่รู้ตัว จึงเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรใส่ใจและระมัดระวัง เพราะแม้จะเป็นเพียงพฤติกรรมเล็กๆ แต่ก็อาจนำไปสู่การติดเชื้อที่ไม่คาดคิดได้ อาการของการติดเชื้อจากโรคจูบ มักจะคล้ายกับไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ในระยะแรก                       โดยอาการหลัก ๆ มีดังนี้ ไข้สูง โดยเฉพาะในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก เจ็บคอ อาจคล้ายกับการติดเชื้อคออักเสบจากแบคทีเรีย (เช่น ทอนซิลอักเสบ) ต่อมน้ำเหลืองโต โดยเฉพาะบริเวณคอ รักแร้ และขาหนีบ อ่อนเพลีย…

รักตับต้องลด Junk Food เริ่มก่อนที่ไขมันจะพอก

ในยุคที่ชีวิตหมุนเร็วและเร่งรีบ หลายคนเลือก “อาหารจานด่วน” เป็นทางออกของความหิว เพราะหาง่าย กินสะดวก และรสชาติดีจนติดใจไม่รู้ตัว แต่เบื้องหลังของความอร่อยที่ไม่ต้องรอนานเหล่านั้น กลับซ่อน “ภัยเงียบ” ที่ค่อย ๆ ทำลายสุขภาพอย่างช้า ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มที่เรียกได้ว่าเป็น Junk Food Lover คนที่บริโภคอาหารจานด่วนเป็นประจำจนกลายเป็นนิสัย