รับมอบจอHuawei

สภากาชาดไทย รับมอบชุดระบบประชุมทางไกลผ่านวิดีโอฯ Huawei IdeaHub Pro จากสถานทูตจีน

วันที่ 8 กุมภาพันธ์  2564 นายเก่อ ถัง ที่ปรึกษาและผู้อำนวยการแผนกการเมือง สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เป็นผู้แทนส่งมอบชุดระบบประชุมทางไกลผ่านวิดีโอความละเอียดสูง Huawei IdeaHub Pro ขนาด 65 นิ้ว ระบบหน้าจอสัมผัสอัจฉริยะ (Interactive Touchscreen) จากบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ให้เเก่ นายสวนิต คงสิริ  ผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทย ฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ และนายบุญรักษ์ สรัคคานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ สภากาชาดไทย เพื่อใช้ประโยชน์ในการทำงานและการจัดประชุมสื่อสารทางไกลของสภากาชาดไทย ณ อาคารเทิดพระเกียรติสมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน) สภากาชาดไทย ในการนี้ ผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทย กล่าวขอบคุณสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนฯ และบริษัท หัวเว่ยฯ พร้อมทั้งกล่าวว่า ชุดระบบประชุมทางไกลจะเป็นประโยชน์อย่างมาก ในการทำงานของสภากาชาดไทย

เหล่ากาชาดจังหวัดตาก ติดตามผลโครงการส่งเสริมและสนับสนุนพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ครั้ง 2

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 14.00 น. นางศลิษา ภิรมย์รัตน์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดตาก พร้อมด้วยนางจรูญลักษณ์ โชติมานนท์ รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดตาก เจ้าหน้าที่สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดตาก และคณะศึกษานิเทศก์สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานการพัฒนาทักษะการอ่าน-การเขียน ตามโครงการส่งเสริมและสนับสนุนพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ณ โรงเรียนบ้านพะเด๊ะ และโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนท่านผู้หญิงทวี มณีนุตร อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ผลการดำเนินงานพัฒนาทักษะการอ่าน- การเขียน เพื่อแก้ปัญหาการอ่านไม่ออก-เขียนไม่ได้ของนักเรียน ที่โรงเรียนบ้านพะเด๊ะ และโรงเรียนตำรวจตะเวนชายแดนท่านผู้หญิงทวี มณีนุตร ในโอกาสนี้  นายกเหล่ากาชาดจังหวัดตากได้เสนอแนวทางการแก้ปัญหาการอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ โดยการใช้สื่อที่หลากหลายกระตุ้นความสนใจให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ เช่น การใช้บัตรคำ การสอนประสมคำ การเล่าเรื่อง การกระตุ้นให้นักเรียนใช้ภาษาไทยในการสื่อสารตามวันที่กำหนดนอกเหนือจากการสื่อสารโดยใช้ภาษาถิ่น การมอบใบงานหรือลงพื้นที่ไปยังบบ้านนักเรียนเพื่อจัดกิจกรรมการเรียนการสอบ และการสอนเสริมในแต่ละวัน พร้อมทั้งให้กำลังใจคุณครูเพื่อช่วยเหลือนักเรียนให้อ่านออกเขียนได้ นอกจากนี้ ได้มอบหน้ากากอนามัยและเจลแอกอฮอล์ให้แก่ครูและนักเรียนด้วย

บริจาคโลหิตตรุษจีน

ตรุษจีนนี้ กาชาดชวนสร้างบุญเสริมเฮง มอบโลหิตเป็นมงคลชีวิต

ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เชิญชวนชาวไทยเชื้อสายจีน และประชาชนทั่วไป สร้างบุญ เสริมเฮง บริจาคโลหิตรับตรุษจีน ในโครงการ “ตรุษจีนนี้ มอบโลหิตเป็นมงคลชีวิต” ระหว่างวันที่ 8-12 กุมภาพันธ์ 2564 (5 วัน) ณ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ผู้บริจาคโลหิตจะได้รับปฏิทินจีน ปี 2564 ชุด “SUPERNOVA CHINESE CALENDAR 2021” เป็นของขวัญปีใหม่แทนคำขอบคุณ รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงดุจใจ ชัยวานิชศิริ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เปิดเผยว่า วันตรุษจีน เป็นเทศกาลสำคัญที่สุดของชาวจีน และชาวไทยเชื้อสายจีน ปีนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 (วันที่ 1 เดือน 1 ของวันจีน) ถือเป็นวันเริ่มต้นปีใหม่ โดยธรรมเนียมการปฏิบัติตนในเทศกาลวันตรุษจีน คือ การพูดทักทายกันด้วยคำอวยพร “ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้” หมายถึง เวลาใหม่ให้สมใจ ปีใหม่ให้สมปรารถนา รวมถึงการทำบุญ…

ประกาศติดตามญาติของผู้อุทิศร่างกายเพื่อการศึกษา (อาจารย์ใหญ่) เพื่อจัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ

ฝ่ายกายวิภาคศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ประกาศติดตามหาญาติของผู้อุทิศร่างกายเพื่อการศึกษา (อาจารย์ใหญ่) ดังรายนามต่อไปนี้ 1. นางสาวฉวีวรรณ แสวงกิจ 2. นายรักษา สังขิลิต 3. นายเขียว ฟักนาค 4. ร.ต.กฤติกร ผ่องอักษร 5. นายเจริญ หนูแหยม 6. นางสาวแสงจันทร์ จิตต์ปั้น ขอให้ญาติของผู้อุทิศร่างกายเพื่อการศึกษาดังกล่าว นำบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านมาติดต่อที่ฝ่ายกายวิภาคศาสตร์ ชั้น 11 อาคารแพทยพัฒน์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เนื่องจาก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จะจัดพิธีพระราชทานเพลิงศพผู้อุทิศร่างกายเพื่อการศึกษา (เป็นกรณีพิเศษ) ประจำปี 2563 ในระหว่างวันที่ 8-9 พฤษภาคม 2564 สอบถามโทร. 0 2256 4751 หรือ 0 2256 4737 ในวันจันทร์ – วันศุกร์ ระหว่างเวลา 08.30-16.30 น.…

บริจาคพลาสม่า

ถึงเวลาช่วยชาติอีกครั้ง! ร่วมบริจาคพลาสมา เสริมการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19

ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ประกาศเชิญชวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่หายแล้ว ร่วมบริจาคพลาสมา เพื่อนำไปช่วยเสริมการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายใหม่ ช่วยยับยั้งไม่ให้ปอดอักเสบอย่างรุนแรงได้ รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงดุจใจ  ชัยวานิชศิริ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เปิดเผยว่า “จากการรณรงค์เชิญชวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่หายแล้วเมื่อเดือนเมษายน 2563 ให้กลับมาเป็นฮีโร่ในโครงการวิจัยการใช้พลาสมาเพื่อเสริมการรักษาโรค เนื่องจากพลาสมาของผู้ป่วยที่หายจากโรคแล้วจะมีภูมิต้านทานต่อไวรัส สามารถนำไปใช้เสริมการรักษาผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพื่อป้องกันความรุนแรงของโรค โดยยับยั้งไวรัสก่อนที่จะเข้าไปทำลายเซลล์ปอดขั้นรุนแรงได้ ซึ่งภูมิต้านทานในพลาสมานี้เปรียบเสมือนยาใช้รักษาโรคได้ โดยมีผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่หายแล้วร่วมลงทะเบียนกว่า 400 ราย แต่มีเพียง 152 รายที่สามารถบริจาคพลาสมาได้เป็นจำนวน 446 ถุง นำไปผลิตเป็น COVID-19 Convalescent Plasma หรือ CCP ที่มีภูมิต้านทานสูงได้จำนวน 383 ถุง ซึ่งได้นำไปดำเนินการ ดังนี้ เตรียมเป็นพลาสมาโควิด-19 (CCP) พร้อมใช้รักษาโรค 250-300 มล./ยูนิต จำนวน 342 ยูนิต นำพลาสมา CCP 160 ถุง…

บริจาคโลหิต

ทำไมต้องบริจาคโลหิต?

“โลหิต” หรือ “เลือด” เป็นสิ่งที่จำเป็นและมีความสำคัญในการใช้รักษาผู้ป่วย ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีผู้ที่สามารถคิดค้นสิ่งใดมาใช้ทดแทนโลหิตได้ จึงจำเป็นต้องมีการรับบริจาคโลหิตจากคน เพื่อให้ได้มาซึ่งโลหิตสำหรับใช้ในการช่วยชีวิตผู้ป่วย “การบริจาคโลหิต” คือ การสละโลหิตส่วนเกินที่ร่างกายยังไม่จำเป็นต้องใช้ให้กับผู้ป่วย ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริจาคโลหิต เพราะร่างกายของแต่ละคนมีปริมาณโลหิตประมาณ 17-18 แก้วน้ำ ร่างกายจะใช้เพียง 15-16 แก้วเท่านั้น ส่วนที่เหลือนั้นสามารถบริจาคให้ผู้อื่นได้ โดยสามารถบริจาคโลหิตได้ทุก 3 เดือน เมื่อบริจาคโลหิตออกไปแล้ว ไขกระดูกจะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างเม็ดโลหิตขึ้นมาทดแทน ทำให้มีปริมาณโลหิตในร่างกายเท่าเดิม หากไม่ได้บริจาค ร่างกายจะขับเม็ดโลหิตที่สลายตัวเพราะหมดอายุ ทั้งนี้ กระบวนการในการบริจาคโลหิตตั้งแต่เริ่มลงทะเบียนจนบริจาคโลหิตเสร็จสิ้น ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเลือกเจาะโลหิตที่เส้นโลหิตดำบริเวณแขน แล้วเก็บโลหิตบรรจุในถุงพลาสติก (BLOOD BAG) ประมาณ 350-450 มิลลิลิตร (ซี.ซี.) ขึ้นอยู่กับน้ำหนักของผู้บริจาค การบริจาคโลหิตเป็นเรื่องจำเป็น และยังไม่มีสิ่งใดทดแทนได้ ผู้ป่วยต้องการโลหิตทุกวินาที ได้ทราบข้อมูลสุขภาพของตัวเอง ได้ทราบระบบหมู่โลหิต ทั้งระบบ ABO และ Rh ได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และทำให้มีความสุข ส่งผลให้สุขภาพดี บริจาคโลหิต 1 ถุง ช่วยผู้ป่วยได้อย่างน้อย…

ตาก

สภากาชาดไทยเร่งระดมความช่วยเหลือผู้ที่กักตนเองในที่พักและผู้ประสบวิกฤตทางเศรษฐกิจ

สภากาชาดไทยเร่งระดมความช่วยเหลือผู้ที่กักตนเองในที่พักและผู้ประสบวิกฤตทางเศรษฐกิจที่ขาดแคลนอาหารและยังไม่มีหน่วยงานอื่นให้การช่วยเหลือ สภากาชาดไทยองค์การสาธารณกุศลระดับชาติ ดำเนินการโดยยึดหลักมนุษยธรรมตามหลักการกาชาดสากลและช่วยเหลือผู้ยากไร้ที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 เร่งระดมความช่วยเหลือผู้ที่กักตนเอง  ในที่พักและผู้ประสบวิกฤตทางเศรษฐกิจที่ขาดแคลนอาหารและยังไม่มีหน่วยงานอื่นให้การช่วยเหลือ รวมถึงแรงงานข้ามชาติทั่วประเทศ ด้วยการมอบชุดธารน้ำใจ กู้ชีวิตฝ่าวิกฤต COVID-19 พร้อมน้ำดื่ม ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม 2563 – 30 มกราคม 2564 จำนวน 175,974 ชุด รวมมูลค่า 116,142,840 บาท ทั้งนี้ ประชาชนสามารถแจ้งขอความช่วยเหลือผ่านแอปพลิเคชัน “พ้นภัย” หรือติดต่อขอความช่วยเหลือผ่านอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในพื้นที่ ส่วนการลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือไปยังส่วนภูมิภาคผ่านสำนักงานบริหารกิจการเหล่ากาชาด สำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ เหล่ากาชาดจังหวัดและกิ่งกาชาดอำเภอทั่วประเทศ ด้วยการร่วมมือกับหลายภาคส่วนและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ยากไร้และขาดแคลน อาทิ มอบชุดธารน้ำใจ กู้ชีวิตฝ่าวิกฤต COVID-19 พร้อมน้ำดื่ม มอบแท่นกดเจลแอลกอฮอล์แบบเท้าเหยียบ มอบ Face shield มอบแอลกอฮอล์ล้างมือ และเปิดหน่วยรับบริจาคโลหิตโดยยึดหลักปฏิบัติตามมาตรการของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระหว่างวันที่ 15-20 มกราคม 2564 ดังนี้…

บริจาคโลหิตปลอดภัย

ปลอดภัย มั่นใจได้ บริจาคโลหิตฝ่าวิกฤติโควิด-19

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อมวลมนุษยชาติทั่วทุกมุมโลก สร้างการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบการดำเนินชีวิตใหม่ ในการรักษาระยะห่างเพื่อป้องกันและลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค โดยเฉพาะ “การบริจาคโลหิต” โควิด-19 ก่อให้เกิดความวิตกกังวลแก่ประชาชนเป็นอย่างยิ่ง ทำให้จำนวนผู้บริจาคโลหิตลดลงกว่า 50% หน่วยรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ถูกยกเลิก ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ไม่สามารถจ่ายโลหิตให้กับโรงพยาบาลได้อย่างเพียงพอ ส่งผลให้โรงพยาบาลทั่วประเทศขาดแคลนเลือด และจำเป็นต้องเลื่อนการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติฯ ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล โดยมีภารกิจในการจัดหาโลหิตบริจาคให้มีปริมาณเพียงพอ ปลอดภัย และมีคุณภาพสูง ให้แก่โรงพยาบาลทั่วประเทศ โดยจัดทำมาตรฐาน ความปลอดภัยในหลายมิติ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าการรับบริจาคโลหิตมีความปลอดภัยตั้งแต่ต้นทาง คือ “ผู้บริจาค” จนถึงปลายทาง คือ “ผู้ป่วย” รวมทั้งผู้รับบริการอื่น ๆ ด้วย มาตรการการเตรียมความพร้อมด้านสถานที่ คลิก  มาตรการการเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร คลิก นอกจากนี้ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติฯ ได้กำหนดมาตรการเพื่อคัดกรองประวัติสุขภาพของผู้บริจาคโลหิตอย่างรัดกุม ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก โดยขอให้ผู้บริจาคคัดกรองตนเองก่อนเดินทางมาบริจาคโลหิต เช่น หากมีไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส เดินทางไปยังสถานบันเทิงหรือสถานที่แออัด อาศัยอยู่ในพื้นที่หรือเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิด-19 หรือเป็นผู้ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อโควิด-19 ต้องงดบริจาคโลหิตชั่วคราวอย่างน้อย 28…